
ไวน์รสดีล้ำค่า กับ ชายชราผู้ปลูกองุ่น
มินิซีรีส์ "กรุของเก่า ณ บ้านหลังน้อยร้อยปี ประเทศฝรั่งเศส"
รวมทุกตอนใน มินิซีรีส์ "กรุของเก่า ณ บ้านหลังน้อยร้อยปี ประเทศฝรั่งเศส"
สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ ต่อจากตอนที่แล้ว คุณพ่อเจ ผู้ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา วันนี้อิฉันมีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟัง เรื่องดี ๆ ซึ้ง ๆ และ มีความสุข เป็นเรื่องราวก่อนที่พวกเราได้ออกเดินทางย้ายออกจากประเทศฝรั่งเศสมา ท่องไปในอันโดร่า คุณผู้ชายและอิฉันได้รับเชิญไปทานอาหารที่บ้านของเพื่อนของคุณผู้ชาย
พวกเขาเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนาน บ้านนี้ทำไวน์ เป็น ไวนารี่แบบธรรมชาติ ไม่ใช่แค่เพียงออร์แกนิคเท่านั้น แต่เป็นการทำไวน์ที่เรียกว่าไบโอไดนามิก
การทำไวน์แบบไบโอไดนานิก มีขั้นตอนการทำไวน์ที่โรแมนติกมาก ๆ เพราะแต่ละขั้นตอนและช่วงเวลาต้องอิงการเปลี่ยนแปลงของดวงดาวบนฟากฟ้า อารมณ์เสมือนว่าต้องดูฤกษ์ดูยามทำพิธีในทุกช่วงเวลาของการทำไวน์ไม่ว่าจะก่อน ระหว่าง และ หลังการเก็บเกี่ยว และการดูแลพื้นดินและบำรุงดินต้องทำด้วยความเคารพ ด้วยเชื่อว่าทุกสิ่งมีจิตวิณญาณ ทุกอย่างนั้นมีชีวิต เห็นไหมละโรแมนติกเนอะ
ครอบครัวนี้ทำไวน์ด้วยความรัก สองพี่น้องฝาแฝดที่ไม่เหมือนกันเลยซักนิด คนหนึ่งเป็นชายออกท้วมผมสีทองนิสัย ตลกโปกฮา อีกคนนึงเป็นชายผอมผมสีดำ และ ออกจะขี้อาย อย่างเดียวที่เหมือนกัน เห็นจะเป็นความรักในการทำไวน์ ทั้งคู่แต่งงานมีลูกและสร้างครอบครัวใหญ่ที่ร่วมทำไวน์ด้วยกันมาเนิ่นนาน ถือเป็นธุรกิจภายในครอบครัวอย่างแท้จริง
พี่น้องฝาแฝดนะเนี่ย บอกแล้วยังไม่อยากจะเชื่อ
คืนนั้นพวกเราได้ลิ้มรสอาหารของนักทำไวน์ โอกาสพิเศษนี้ คุณผู้ชายได้นำไวน์มีชื่อายุกว่าห้าสิบปี ที่เคยเล่าให้ฟังในเรื่อง กรุไวน์เก่า ณ ห้องลับใต้ดิน มาทำ Blind testing ถึงสี่นางด้วยกัน
การทำ Blind testing นี้ คือการชิมไวน์ โดยผู้ชิม ไม่มีโอกาสล่วงรู้ว่าแต่ละไวน์ที่ได้ลองนั้นคือไวน์อะไร และ ปีไหน แต่ไม่ต้องปิดตานะคะทุกคน อิฉันก็หลงเปิ่นคิดว่าต้องปิดตาด้วย ก็คำว่า Blind ภาษาไทยหมายถึงการมองไม่เห็น เอาหล่ะ พอไวน์ถูกรินให้ทุนคน พวกเราก็วิพากษณ์วิจารณ์กันต่าง ๆ นานา และทายว่าไวน์มาจากภูมิภาคไหน ปีอะไร พวกเราสนุกกันมาก ฉันนี่เป็นพวกไม่ประสีประสาจริง ๆ เพราะสองในสี่ฉันได้เคยลิ้มรสแล้ว แต่ฉันนั้น เดามั่วซั่วไปหมด ไม่ถูกซักอย่าง ขวดที่เคยดื่มก็บอกไม่เคย ส่วนที่ไม่เคยดันบอกเคย
คราวนี้ได้ชิมชาโตว์มาโก (Chateau Margaux) ไวน์ที่แพงที่สุดในห้องไวน์ด้วยนะ ขวดนึงราว ๆ 500-600 ยูโร ตกสองหมื่นกว่าบาท บุญปากแท้ ๆ
พอทุกคนจิบเท่านั้น ต่างชอบกันมาก ๆ บอกว่านี่คือไวน์ชั้นดี ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครรู้ว่าคือไวน์อะไร ฉันไม่ได้รู้อะไรเลย บอกว่าไม่ชอบอยู่คนเดียว พอเฉลยเท่านั้นแหละ รู้สึกถึงความเบาปัญญาของตัวเองจริง ๆ เห็นที ไวน์ถูก ๆ น่ะคงเหมาะกับฉัน เพราะรสนิยมไม่ถึง ค่ำคืนนั้นพิเศษมาก ๆ โอกาสแบบนี้สำหรับคอไวน์ หรือแม้แต่ผู้ผลิตไวน์หลาย ๆ คนเอง ยังหาโอกาสได้ยาก ฉันรู้สึกซาบซึ้งจริง ๆ เลยนะ โชคดีอะไรอย่างนี้
หลังจากทานอาหารเสร็จ เพื่อนคุณผู้ชายก็พาเราไปชมห้องเก็บไวน์ใต้ดินที่เพิ่งทำขึ้นมาใหม่ ใหญ่มาก ใหญ่ขนาดไหนลองคิดดูเก็บไวน์ได้ถึง หนึ่งแสนสองหมื่นขวด ห้องที่บ้านคุณผู้ชายเก็บได้เพียงราว ๆ หนึ่งพันขวดเท่านั้นเอง เห็นถึงความต่างไหมเพื่อน ๆ
เมื่อเข้ามาในห้อง มีเครื่องเล่นเพลงจากแผ่นเสียงสมัยก่อนตั้งอยู่กลางห้อง ที่เขาเรียกว่าไวนิล เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉันเลยที่ได้ฟังเพลงจากไวนิลแบบนี้ เครื่องเล่นก็ดีอยู่แล้ว บวกกับเสียงก้องกังวาลในห้องเก็บไวน์ใต้ดิน และมนต์ขลังของแผ่นไวนิลเก่า ที่คุณผู้ชายเธอมอบให้เพื่อนของเธอ ซึ่งก็คือไวนิลเก่าของสะสมของ คุณพ่อเจ นั่นเอง ทุกอย่างประสานกันอย่างลงตัวและมีนัยยะ
พวกเราดื่มไวน์ฟังดนตรีและพูดคุยกัน ซาบซึ้งมาก ๆ แต่ก็ยังซาบซึ้งได้อีก เพื่อนคุณผู้ชายได้นำไวน์ไซค์แมคนั่มที่บรรจุอยู่ในกล่องไม้อย่างสวยงาม (ไซค์ 1.5 ลิตร สองเท่าของไวน์ทั่วไป) มามอบให้คุณผู้ชาย และ ได้เล่าเรื่องที่มาที่ไปของไวน์ขวดนี้ให้ฟัง ได้ความมาว่า
นานมาแล้วเมื่อครั้งที่เพื่อนคุณผู้ชายคนนี้ได้มาซื้อไวนารี่แห่งนี้ และริเริ่มทำการผลิตไวน์อย่างจริงจัง ในบรรดาแปลงผลิตไวน์ทั้งหมด จะมีแปลงพิเศษอยู่หนึ่งผืนที่สามารถผลิตองุ่นที่มีรสชาติพิเศษกว่าแปลงอื่น ๆ และสามารถผลิตไวน์ที่ดีที่สุด เรียกว่าราคาขายของไวน์ที่ผลิตจากแปลงนี้มูลค่าตั้งแต่ราว ๆ ร้อยยูโร (ราว ๆ สี่พันบาท) ไปจน สองร้อยยูโร (ราว ๆ แปดพันบาท) ในขณะที่ขวดทั่วไปจากแปลงอื่น ๆ ขายอยู่ที่ราว ๆ สิบ ถึง ยี่สิบยูโรเท่านั้น (ยี่สิบยูโรที่ฝรั่งเศสนี่ก็ราคาสูงมากกว่าไวน์ทั่วไปแล้วนะ เพราะตามซุปเปอร์มาเก็ต ไวน์ถูก ๆ ขวดแค่ยูโรเดียวเท่านั้นเอง)
เพื่อนคุณผู้ชายนี้รู้สึกภูมิใจกับแปลงไวน์แปลงนี้มาก ๆ จนวันหนึ่งได้พบกับชายแปลกหน้าผมขาวคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายกลับเข้ามา
ณ วันแสนธรรมดาวันหนึ่ง พวกเขาพบกันด้วยความบังเอิญ แต่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทำให้พวกเขาถูกอกถูกใจกันอย่างมากถึงกับใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายวันนั้นด้วยกันพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราว และนั่นทำให้เพื่อนของคุณผู้ชายได้รู้ว่า แปลงปลูกองุ่นที่เขาภูมิใจนั้น ครั้งหนึ่งเคยเป็นของครอบครัวของชายแปลกหน้าผมขาวคนนี้ ก่อนที่จะได้ขายให้กับไวนารี่ที่เพื่อนของคุณผู้ชายซื้อต่อมาอีกที และองุ่นทุกต้นในแปลงนั้นก็ถูกปลูกด้วยมือของชายแปลกหน้าผมขาวคนนี้ในครั้งที่เขายังเป็นวัยรุ่น มิต้องแปลกใจที่คนทั้งสองจึงรู้สึกถูกอกถูกใจซึ่งกันและกัน เห็นจะเป็นด้วยมนต์เสน่ห์แห่งต้นองุ่นที่พวกเขาเพียรมอบความรัก ในสองช่วงเวลาที่แตกต่างนั่นเอง
ต้นองุ่นที่ปลูกด้วยชายคนหนึ่งเมื่อครั้งที่เขายังเป็นวัยรุ่น ถูกดูแลอย่างดีจนถึงมือของชายอีกคนหนึ่งวัยกลางคน เป็นการส่งต่อทางจิตวิณญาณที่หลอมรวมเอาคนทั้งสองไว้ด้วยกัน ต้นองุ่นเหล่านี้ได้ทำหน้าที่ให้ผลผลิตที่งดงามและหล่อเลี้ยงไวน์เนอรี่ Chateau De Fosse Seche มาอยู่ช้านาน และตามวัฐจักรของการทำไวน์เมื่อต้นองุ่นมีอายุมากขึ้น ให้ผลผลิตได้น้อยลง เมื่อเวลานั้นมาถึง ต้นองุ่นเหล่านี้จะต้องถูกรื้อถอน และทำการปลูกต้นใหม่ลงไป และในปี 2010 นี้เองต้นองุ่นที่ปลูกโดยชายแปลกหน้าผมขาว ได้ให้ผลผลิตเป็นครั้งสุดท้ายก่อน ถูกรื้อถอนไปตามวาระ สัจธรรมของชีวิต
และนี่คือที่มาของไวน์ขวดพิเศษที่เพื่อนของคุณผู้ชายได้มอบให้พวกเรา กล่องไม้ที่บรรจุไวน์ที่ดีที่สุดของเขาจากปี 2010 ไวน์ที่ต้นองุ่นแห่งความทรงจำได้ผลิตขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย พวกเราซาบซึ้งใจอย่างมาก เพื่อนของคุณผู้ชายกำชับว่าพวกเราจะต้องเปิดไวน์มาดื่ม เมื่อพวกเราได้ค้นพบที่ที่สมองและหัวใจพูดตรงกันว่าที่นี่แหละ คือ บ้าน
หากเรื่องนี้จบเพียงเท่านี้ก็ซาบซึ้งใจมากพอในตัวของมันอยู่แล้ว แต่ที่ทำให้ฉันแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ พวกเธอพอจะเดากันได้ไหมว่าอะไร
ก็เพราะชายชราผมขาวที่เล่าให้ฟังนั้นหาใช่ใครอื่นไม่ คือ คุณพ่อเจ คุณพ่อของคุณผู้ชายนั่นเอง
พวกเรารับเอาไวน์ที่เกิดจากองุ่นที่คุณพ่อเจเป็นผู้ปลูก ผลผลิตปีสุดท้ายของต้นองุ่นนี้มาไว้ในอ้อมแขน สัมผัสได้เสมือนว่าเสี้ยวหนึ่งของคุณพ่อเจยังอยู่กับเราจนถึงเวลานี้ ถึงแม้กาลเวลาได้ล่วงมามากแล้วก็ตาม และความทรงจำแห่งบ้านพีทีนี้จะยังคงอยู่กับเราตลอดไป
ซึ้งไหมค่ะ เพื่อน ๆ ในตอนต่อไปจะเล่าถึงคุณแม่ของคุณผู้ชายบ้าง แต่อาจจะต้องใช้เวลาซักนิดที่จะนำเรื่องนี้มานำเสนอ เพราะคุณแม่เพิ่งจากพวกเราไปไม่นาน อาจต้องให้เวลาคุณผู้ชายค่อย ๆ เล่าให้ฟังนะคะทุกคน
รัก
ลิต้าเจน