ตอนที่ 16 เยือนต่างแดน
ลิต้าเจน เดอะ ซีรีส์ 1 หลงทางรักนครมายา
Image by StockSnap from Pixabay
ตอนก่อนหน้าและตอนถัดไปรวมอยู่ในนี้ รวมทุกตอน
ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้น มักจะสั้นนัก สองสัปดาห์ผ่านไปไวเหมือนโกหก และแล้วก็ได้เวลาที่กวินทร์ต้องจากไปอีกครั้ง ฉันมาส่งเขาที่สนามบินทั้งน้ำตา ทั้ง ๆที่พยายามกลั้นอย่างสุดความสามารถ เพราะไม่อยากให้คุณพ่อและคุณแม่ของเขาเห็น ฉันโบกมือลากวินทร์ ที่ค่อยเดินหายลับไป หลังประตูผู้โดยสารขาออกต่างประเทศ พร้อมกับนึกย้ำถึงถ้อยคำสุดท้ายก่อนกวินทร์จากไป
“ลิต้า เธอต้องรีบมาเยี่ยมฉันนะ ฉันจะรอ” กวินทร์กล่าว
“ทันทีที่ฉันได้วีซ่า ฉันจะรีบไป” ฉันรับคำมั่น
“ฉันรักเธอ ลิต้า”
“ฉันก็เช่นกัน รักมาก มากที่สุด”
ในเวลานั้น เรามีโทรศัพธ์มือถือใช้กันแล้ว ถึงแม้จะยังไม่มีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง โปรแกรมพูดคุยที่ทันสมัยเหมือนในสมัยนี้ นั่นก็ทำให้เราสามารถโทรหากันเมื่อใดก็ได้ หากว่ากำลังทรัพย์จะเอื้ออำนวย เพราะค่าบริการโทรข้ามประเทศนั้น แพงหูฉี่เลยทีเดียว พอกวินทร์จากไป ฉันก็ทำการขอวีซ่า และตั้งหน้าตั้งตา รอวันหยุดปีใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามา ทุกเวลานาทีมีไว้เพียงคิดถึงกวินทร์
ฉันต้องยอมรับว่าเบื้องลึกในใจของฉัน ยังมีความประหวันต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ที่อาจจะเกิดขึ้นเพราะระยะทางระหว่างเรา โดยเฉพาะเวลาที่เขาไม่สามารถติดต่อเขาได้ มันทำให้ฉันกังวลใจอย่างมาก ฉันเองเริ่มมีความเคลือบแคลงสงสัย เหตุผลที่เขาให้ฉันซ้ำซากวนไปวนมา เช่น เขาทำงานอยู่ เขาเผลอหลับไป มันเป็นอย่างนี้วันแล้ววันเล่า แต่ฉันก็พยายามสะกดใจ และปลอบตัวเองเบา ๆ ให้อดทน เพราะอีกไม่นาน เราจะได้เจอกันแล้ว
และแล้ววันหยุดยาวคริสต์มาสปีใหม่ก็มาถึง ฉันจัดกระเป๋าเตรียมพร้อม เสื้อกันหนาวเอย ของแห้ง อาหารการกินพร้อมพรรณ ฉันตื่นเต้นแบบที่ไม่สามารถหาคำใดมาอธิบาย เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นประเทศนอกมันเป็นเช่นไร เคยเห็นก็แต่ในหนัง ว่าพวกฝรั่งนั่นตัวใหญ่สูงโต ตาโตสีฟ้า พูดภาษาที่ฟังเข้าใจยาก
ก่อนออกเดินทางฉันโทรหากวินทร์ แต่ก็อีกนั่นแหละ เขาไม่รับสาย ฉันรู้สึกผิดหวัง เพราะการเดินทางครั้งนี้มันสำคัญกับฉันมาก แต่ก็เอาเถอะ เดี๋ยวอีกยี่สิบชั่วโมงต่อจากนี้ ฉันจะได้พบเขาแล้ว
การขึ้นเครื่องบินยังคงทำให้ฉันตื่นเต้นไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ฉันจะเคยได้ขึ้นเครื่องบินไปทำงานตามที่ต่าง ๆ ในประเทศไทยมาแล้วบ้างก็ตาม แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะฉันกำลังเดินทางข้ามทวีป ไปตามหาคนรักของฉัน วิวเหนือเมฆที่ปกติก็ดูวิเศษอยู่แล้ว ในเวลานี้มันช่างดูมีมนต์สะกดมากมายเหลือเกิน
ฉันนั่งหลับแล้วหลับอีก คอคดคอแข็งอยู่ในที่นั่งชั้นประหยัด ที่ไม่ค่อยจะสะดวกสบายนัก ดูหนังเรื่องแล้วเรื่องเล่า ทำไมเวลามันช่างผ่านไปช้าเช่นนี้ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ในไม่อีกกี่ชั่วโมง ฉันจะได้เจอกวินทร์ที่รักแล้ว ฉันรู้สึกตื่นเต้นจน อดมวลท้องไม่ได้
และแล้วในที่สุด กัปตันประกาศให้รัดเข็มขัด เพื่อลงจอด ณ สนามบินรัฐลอสแอนเจลิส รัฐที่กวินทร์อยู่ ฉันนั่งหลังตรง มองออกไปนอกหน้าต่าง พยายามซึมซับบรรยากาศเหนือเมฆ เมืองนอกเมืองนา ที่เขาว่ามันวิเศษ ศิวิไลว์ ทุก ๆนาทีที่เครื่องบินลดระดับลงต่ำ หัวใจของฉันบีบเร่งจังหวะ สวนทางกับจังหวะความเร็วของการบิน
“ยินดีต้อนรับสู่สนามบินนานาชาติ เมืองลอสแอนเจลิส”
ได้ยินเสียงประกาศหัวใจฉันแทบหยุดเต้น ทันทีที่ออกจากเครื่องได้ ฉันรีบรุดเพื่อออกมาเจอกวินทร์ให้เร็วที่สุด ฉันสวมเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอให้เข้าที่ เพราะในเวลานี้เป็นหน้าหนาวของประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงจุดตรวจคนเข้าเมือง ฉันภาวนาขออย่าให้เขาถามอะไรฉันเลย ถึงแม้ภาษาอังกฤษฉันจะพอรู้บ้าง เพราะต้องใช้ในที่ทำงาน แต่ความสามารถในการฟังนั้น ช่างห่างไกล โดยเฉพาะพวกฝรั่งที่ชอบพูดเร็ว ๆ
โบราณเขาว่า กลัวอะไรได้สิ่งนั้น หลังจากรับกระเป๋าแล้ว ต้องเดินผ่านเจ้าหมาอัลเซเชียนที่ด้อม ๆ ดม ๆ มองหาความผิดปกติในกระเป๋า มันหยุด ๆดม ๆที่กระเป๋าฉัน ตายละหว่า ฉันพกเนื้อแห้ง อาหารของคาวหวานมาเต็มกระเป๋า เจ้าหน้าที่ตัวโต หัวทอง หน้าเข้ม มองมาที่ฉัน เขาถามฉันเป็นภาษาอังกฤษว่า
“ยู เอาอะไรมาในกระเป๋า” เขาถามพร้อมทั้งถลึงตามองฉัน ตายแน่ ๆ ตอนมาฉันไม่รู้เลยว่าเขาห้ามเอาเนื้อสัตว์เข้าประเทศ
“พวกอาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อะไรพวกนั้น” ฉันตอบกุก ๆกัก ๆ
“อาหารแห้งอะไร คุ๊กกี้? ช๊อกโกแล๊ต?” เขาซักฉันต่อ
“จ๊ะ ๆ คุณเจ้าหน้าที่” ฉันรับคำไปอย่างนั้น
“แล้วบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เอามาทำไม” เขาถามด้วยความสงสัย
“ก็เวลาคิดถึงอาหารไทยน่ะคะ” ฉันตอบเบา ๆ ท่าทีน่าสงสาร
“ไปเถอะ” เจ้าหน้าที่หน้าตาขึงขัง ปล่อยฉันไปด้วยความรำคาญ
เมื่อออกมาจากจุดตรวจกระเป๋าได้แล้ว ฉันมองเห็นกวินทร์มาแต่ไกล ฉันยิ้มกว้างด้วยความดีใจ หัวใจเต้นรัว ปวดท้องมวน ๆ ฉันวิ่งลากกระเป๋าเข้าไปหาเขา และกระโดดสวมกอดเขาด้วยความตื่นเต้น
“ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน” ฉันกล่าว
“ฉันก็เช่นกัน” น้ำเสียงเขาดูแปลก ๆ ฉันคงไม่ได้คิดมากไปหรอกนะ
สัมผัสอากาศแรกของประเทศนอกช่างบาดโพรงจมูก มันทั้งเย็นและแห้ง ไม่คุ้นเคย ออกจะระคายเคือง หายใจไม่ทั่วท้อง คล้าย ๆ มีอะไรติดอยู่ที่ลำคอยังไงยังงั้น
เราพูดคุยทักทาย ฉันเล่าประสบการณ์การบิน และ การปะทะคารมกับเจ้าหน้าที่สนามบินให้เขาฟังในขณะที่เรานั่งอยู่ในรถ และกำลังเดินทางไปที่พักของกวินทร์ เขาดูเงียบ ๆ และมีความกังวล จนฉันแปลกใจ เขาไม่ดีใจเหรอที่ได้พบกัน ในขณะนั้น ฉันไม่รู้เลยว่าบางสิ่งบางอย่างที่ฉันไม่คาดคิด กำลังรอฉันอยู่
“เธอเป็นอะไรไปกวินทร์ ดูเธอไม่ค่อยดีใจเท่าที่ควร” ฉันถาม
“ฉันมีอะไรจะบอกเธอ เธอรับปากฉันได้ไหม ว่าจะไม่โกรธฉัน” กวินทร์ตอบ คำตอบที่ทำให้ฉันถึงกับใจหาย เขาพูดถึงอะไร
“มันเรื่องอะไรกัน” ฉันถาม