ตอนที่ 18 ลอสแอนเจลิส
ลิต้าเจน เดอะ ซีรีส์ 1 หลงทางรักนครมายา
Image by SplitShire from Pixabay
ตอนก่อนหน้าและตอนถัดไปรวมอยู่ในนี้ รวมทุกตอน
“วันนี้ฉันจะพาเธอไปเที่ยวชมเมืองลอสแองเจลลิส เธอรีบไปแต่งตัวเถอะ”
ฉันจัดการอาบน้ำแต่งตัว ออกมาก็พบกับอาหารเช้าที่รอฉันอยู่บนโต๊ะแล้ว ลองคิดดูเถิดหนา จะไม่ให้ฉันรักเขาได้อย่างไร กวินทร์นั้นช่างเอาอกเอาใจ เป็นห่วงเป็นใย เราทานอาหารเสร็จก็ออกเดินทางกันเลย เขาขับรถมาได้ซักระยะ ก็จอดลง และตรงไปที่ตู้อะไรซักอย่าง เขากด ๆ อยู่ซักพัก
“นี่มันอะไรเหรอ” ฉันถามด้วยความสงสัย
“ที่จ่ายเงินค่าจอดรถน่ะ” กวินทร์ตอบ ทำเอาฉันงง เป็นไก่ตาแตก
“ที่นี่พอจอดรถ ก็ต้องมาจ่ายค่าที่จอดรถที่นี่ แล้วก็จะได้รับตั๋วแบบนี้” เขาชูขึ้นให้ฉันดู และเดินกลับไปที่รถ เอาวางไว้ที่กระจกด้านใน
“แล้วก็วางไว้ตรงนี้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจ”
“โอ้โห จอดรถนี่ไม่ฟรีเหรอ คนที่นี่ มีวินัย เคารพกฏมากเลยนะ เป็นเมืองไทยไม่ได้ จะมีคนจ่ายรึเปล่าไม่รู้”
“ค่าปรับที่นี่ไม่ใช่เล่น ๆ คนเลยไม่กล้าแอบจอดกัน เอาหล่ะ เราไปเดินเล่นกันเถอะ”
กวินทร์เอื้อมมือมาคว้าแขนของฉัน แล้วดึงฉันเข้าไปโอบ
“หนาวไหม ลิต้า”
“ก็นิดหน่อย ยังไม่ค่อยชิน”
ฉันอิงศรีษะไปที่ไหล่ของเขา มันช่างอบอุ่นอะไรเช่นนี้
“ที่นี่ เขาเรียกว่า ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม (Hollywood Walk of Fame)"
“อะไรนะ”
“ดูที่พื้นซิลิต้า” ฉันก้มมองพื้นคอนกรีตที่ถูกประดับไปด้วยรูปดาว ตรงกลางมีชื่อ
“มิกกี้เม้าท์”
กวินทร์หัวเราะ
“ไม่ได้มีแต่มิกกี้เม้าท์นะ มีนักแสดง ผู้กำกับ นักร้อง นักดนตรี และคนมีชื่อเสียงด้านต่าง ๆ ของวงการฮอลลีวูด ยาวไปถึง 15 บล็อกเชียวนะ”
“โอ้ โห”
ฉันเพลิดเพลินไปกับการมองหาชื่อบุคคลที่ฉันรู้จัก
“ดูนี่ซิแจ๊กกี้ ฉาน ดาราจีนที่โด่งดัง มีคนไทยบ้างไหม กวินทร์” ฉันพูดพลางยกกล้องขึ้นถ่ายรูปแบบนักท่องเที่ยวฉบับมืออาชีพ
“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่วันหนึ่ง อาจมีชื่อเธอก็ได้นะ ลิต้า” กวินทร์ล้อ
“กวินทร์ ก็พูดเล่นไป”
ฉันหัวเราะชอบใจ เกือบลืมเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เสียสนิท ฉันบอกตัวเอง คิดเสียว่ามันคือฝันร้ายแล้วกันลิต้า ตอนนี้เธออยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงกับผู้ชายที่เธอรัก ในเมืองแห่งความฝันของใครหลายคน กวินทร์พาฉันเดินชมไปเรื่อย มีผู้คนแต่งตัวเลียนแบบตัวแสดงต่าง ๆ
“ดูนั่นซิ กวินทร์ แบทแมน” ฉันพูดพลางชี้มือไปทางชายที่แต่งตัวเป็นแบทแมน แล้วทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็น
“ซุปเปอร์แมนก็มี”
“ดูนั่นลิต้า” ฉันหันตามไปเห็นชายที่แต่งตัวเป็น อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์
“นั่นตัวจริงรึเปล่ากวินทร์” ฉันพูดด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ใช่หรอกลิต้า”
“เหมือนมาก ๆเลยกวินทร์”
นอกจากนั้น ยังมีผู้คนที่แต่งตัวเป็นบรรดาผีร้าย ซอมบี้ มัมมี่ ที่ทำเอาฉันกลัวจริง ๆ แทบไม่กล้าสบตาพวกเขา เพราะนอกจากพวกเขาจะแต่งตัวเหมือนแล้ว ยังสวมบทบาทการแสดงที่ดูน่ากลัวเอามาก ๆ
“ลิต้า อีกที่หนึ่งที่เธอต้องชอบ เขาเรียกว่า โรงละครดอลบี้ (Dolby Theatre) เป็นสถานที่จัดงานรับรางวัลออสการ์”
“โอ้โห ที่นี่เองนะที่เวลาเราเห็นพวกดาราต่างประเทศ เขาเดินพรมแดง แต่งตัวเฉิดฉาย”
ถัดไปไม่ไกล กวินทร์พาฉันไปชมบริเวณด้านหน้าของโรงละครจีน (Chinese Theatre) ที่เต็มไปด้วยลายเซ็นต์ พร้อมกับรอยพิมพ์มือและรอยเท้าลงบนพื้น ของบรรดาคนดังฮอลลีวูดทั้งหลาย
“ลิต้า มาทางนี้” กวินทร์เรียกฉันเข้าไปหา
“ฉันจองช่องว่างอันนี้ไว้ให้เธอ วันหนึ่งเธออาจได้มาเซ็นต์ชื่อที่นี่”
ฉันได้แต่หัวเราะ คิดไม่ออกว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร พวกเราเดินเล่นกันต่อ ผ่านร้านค้ามากมาย ที่ต่างก็ประดับประดาไปด้วยต้นคริสมาสต์ และ ไฟอันสวยงาม เพลงที่เปิดบรรเรง ก็ล้วนแล้วแต่เกี่ยวเนื่องกับเทศกาลอันหรรษานี้ เรามาหยุดที่จุด ๆหนึ่งซึ่งสามารถมองเห็น ฮอลลีวูดไซน์ (Hollywood Sign) ได้อย่างชัดเจน
“ให้ฉันถ่ายรูปให้นะ ถ้าเธอไม่มีรูปตรงนี้ คนอื่นเขาจะคิดว่าเธอมาไม่ถึงฮอลลีวูดได้”
“อ๋อ ป้ายนี้นี่เองที่ฉันเห็นในหนังบ่อย ๆ” ฉันพูดด้วยความตื่นเต้น
พวกเราถ่ายรูปกันไปจนเต็มอิ่ม ท้องของฉันก็เริ่มจะร้องจ๊อก ๆ
“เสียงอะไรน่ะ” กวินทร์หัวเราะเมื่อได้ยินเสียงท้องของฉันร้องเข้าให้
“มา ฉันจะพาเธอไปกินแฮมเบอร์เกอร์ที่อร่อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา” กวินทร์พูดจาขึงขัง
ก่อนเขาจะพาฉันตรงไปยังร้านฟาสท์ฟู๊ดที่ชื่อว่า อิน แอนท์ เอ้าท์ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะพูดกับคนขาย ได้แต่หลบอยู่หลังกวินทร์และให้เขาสั่งอะไรก็ได้ที่เขาว่าดี ให้ฉันด้วย แฮมเบอร์เกอร์ที่อเมริกานี้ มีขนาดใหญ่มาก ฉันตกใจ ว่าคนเมืองนอกเมืองนา เขากินกันเยอะขนาดนี้เลยเหรอ มิน่าละคนเขาถึงได้ตัวโตกว่าคนเอเชียบ้านเรานัก ฉันทานไปได้ไม่ถึงครึ่ง ฉันก็อิ่มเสียแล้ว ส่วนรสชาตินั้น ฉันก็ตอบไม่ได้หรอกว่ามันอร่อยที่สุดในอเมริการึเปล่า อาหารฝรั่งฉันยังไม่ค่อยคุ้นชิน แต่ด้วยความหิว ฉันทานโดยไม่ได้พูดอะไรเลยซักคำ
พอเสร็จสิ้นภารกิจการทานอาหารแล้ว กวินทร์พาฉันขับรถออกไป ไม่ไกลมากนัก ฉันเห็น ต้นปาล์มขนาดใหญ่เต็มสองข้างทาง บ้านแต่ละหลังช่างใหญ่โตเหลือเกิน
“กวินทร์ คนแถวนี้เขาทำงานทำการอะไรกัน ทำไมเขารวยกันขนาดนี้”
“ที่นี่เขาเรียกว่า เบเวอลี่ฮิลล์ (Beverly Hills)”
“ชื่อมันคุ้น ๆมากเลย”
“ย่านที่พักสุดหรู ของเหล่าคนดัง และเศรษฐีทั้งหลาย” กวินทร์ตอบความสงสัย
“โอ้โห ดูรถพวกนั้นซิ หน้าตาประหลาดเชียว” ฉันต้องประหลาดใจกับรถโก้หรูมากมาย หลากหลายยี่ห้อ ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ที่นี่มันที่ไหนกัน โลกอีกโลกที่ฉันไม่เคยรู้จัก ฉันรู้สึกถึงความยากจนของตัวเองขึ้นมาทันที
กวินทร์ขับรถพาฉันวนดูอยู่อีกหลายรอบ สุดท้ายเขาจอดรถลงที่หนึ่ง
“วันหนึ่ง ถ้าฉันรวย ฉันจะพาเธอมาช๊อปปิ้งที่นี่ วันนี้เราคงได้แต่ดู ๆไปก่อน” กวินทร์ว่า
ฉันนั้นยังไม่เข้าใจความหมายที่กวินทร์พูด จนกระทั้งเราเดินผ่านร้านรวงทั้งหลาย ที่ประดับประดาอย่างสวยงาม ข้าวของมียี่ห้อทั้งหลาย ที่ฉันเองก็อ่านชื่อไม่ค่อยจะออกเท่าไหร่ ฉันพลิกราคาดูป้ายที่ห้อยอยู่นั้น แล้วรีบวางกลับที่เดิม อย่างทันท่วงที กลัวว่าจะไปทำของของเขาพังเสียก่อน แล้วจะไม่มีปัญญาจ่ายค่าเสียหาย
“กวินทร์ เขาติดป้ายผิดหรือเปล่า เธอรู้ไหมว่ากระเป๋าถือใบนั้น ราคาเหยียบแสนเลยทีเดียว ฉันต้องทำงานทั้งเดือนเลยนะ ถึงจะซื้อได้” ฉันพูดด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ผิดหรอกลิต้า เขาเรียกว่าของแบรนด์เนม” กวินทร์ขบขันในความไม่รู้ของฉัน
พวกเราเดินเล่น ถ่ายรูปกันจนเกือบลืมเวล่ำเวลา กวินทร์จุงมือฉันกลับไปที่รถ และพาฉันออกเดินทางไปจุดหมายถัดไป เมื่อรถจอดลง ก็ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกเต็มที
“ลิต้า มาซิ” เขาโอบฉันไว้
“ที่นี่คือที่ไหน กวินทร์ ถ้าฉันหลงขึ้นมา ฉันคงหาทางกลับบ้านไม่ได้แน่ ๆ”
กวินทร์คว้าฉันเข้ามากอด
“ฉันไม่ยอมให้เธอหลงไปไหน แน่ ๆ ฉันเสียเธอไปครั้งหนึ่งแล้ว ฉันจะไม่ยอมเสียเธอไปอีกเป็นครั้งที่สอง” กล่าวจบ เขาก้มลงจุมพิตฉันโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว ฉันสะดุ้งโหยง กระโดดออก แล้วผลักเขาเบา ๆ
“เดี๋ยวคนมาเห็นเข้าหรอก กวินทร์” กวินทร์หัวเราะ
“คนที่นี่เขาไม่ถือสาหรอก ใคร ๆ เขาก็ทำกัน”
ฉันกวาดตามองโดยรอบ ก็เห็นคู่รักหลายคู่ กำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม จนฉันแทบอยากมุดเข้าไปในเสื้อกันหนาว เพราะรู้สึกอายเหมือนมาเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า
ฉันหันไปหากวินทร์ กระโดดจูบเขาอย่างแผ่วเบา และวิ่งหนีเขาไป กลบเกลือนความเขินอาย เขาวิ่งตามฉันมาติด ๆ แล้วคว้าฉันไว้ได้ พร้อมกับโอบรัดฉันไว้แน่น และมอบรอยจูบที่ช่างดูดดื่ม และ อ่อนหวาน ฉันหลับตาพริ้ม เสมือนว่าทั้งโลกนี้มีเพียงเราสอง เบื้องหลังคือภาพพระอาทิตย์อัสดง ณ ชายหาด แห่ง เมืองซานตาโมนิก้า
พวกเราเดินจูงมือ ลัดเลาะริมหาด พูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ในขณะที่ท้องฟ้ามืดครึ้มลงเรื่อย ๆ ฉันสังเกตุแสงเทียนจำนวนมากบนชายหาด พวกเรารุดเข้าไปดูใกล้ ๆ มีไม้กางเขนปักอยู่จำนวนมาก สุดลูกหูลูกตา พร้อมทั้งชื่อผู้คน บนไม้กางเขนนั้น
“นี่มันอะไรกัน กวินทร์” ฉันถามด้วยความแปลกใจ
“การรำลึกถึง ทหารอเมริกัน ที่เสียชีวิตไปในสงครามอีรัค”
ฉันได้แต่แน่นิ่งเงียบ ฟังเสียงคลื่นเคล้าดนตรีคลาสิค บรรยากาศดูเศร้าสร้อย เด็กน้อยคนหนึ่งกับแม่ของเขา ยืนอยู่ที่หน้าไม้กางเขนอันหนึ่ง พร้อมกับปักดอกไม้เล็ก ๆลงตรงนั่น พวกเขาคุกเขาลง และจุมพิตเบา ๆที่ไม้กางเขนนั้น สงครามไม่เคยให้อะไรเลย น้ำตาน้อย ๆของฉัน ซึมออกมา ความเสียใจจากเหตุการณ์เมื่อวานกลับมาย้ำเตือนฉันอีกครั้ง