ตอนที่ 20 เมืองคนบาป
ลิต้าเจน เดอะ ซีรีส์ 1 หลงทางรักนครมายา
Image by young soo Park from Pixabay
ตอนก่อนหน้าและตอนถัดไปรวมอยู่ในนี้ รวมทุกตอน
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ กวินทร์ขับรถต่อไปโดยกุมมือฉันไว้ตลอดทาง ความรู้สึกวาบหวามยังคงซ่าบซ่าอยู่ในทุกอณูร่างกายของฉัน เราพูดคุยกันมาตลอดทาง จนกระทั้งฉันเริ่มเห็นแสงไฟจากเมืองที่เรากำลังจะไปถึง
“คืนนี้เราจะพักกันที่นี่หล่ะ มาที่นี่ที่เดียว เหมือนเธอได้ไปเที่ยวรอบโลกเลย”
กวินทร์กล่าวขึ้น
“มีอะไรอย่างนั้นด้วยเหรอ”
“มีซิ เป็นเมืองแห่งสีสันและความสนุกสนาน เขาเรียกเมืองนี้ว่าเมืองคนบาป”
ดวงตาของฉันเบิกโพลง เมืองอะไรกันทำไมได้ชื่อสัปดนเช่นนั่น และสายตาของฉันก็ไปสะดุดเข้าที่ป้ายไฟขนาดใหญ่ ตั้งตระหงาน
Welcome to Fabulous Las Vegas
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เมืองลาสเวกัสที่ฟู่ฟ่า
“ลาสเวกัส กวินทร์ฉันเคยเห็นในหนัง”
เมื่อรถของเราเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ ฉันถึงกับอ้าปากค้าง ไปกับความตระการตาของบรรดาแสงไฟ ผู้คนที่ขวักไขว่ ยังกับหลุดเข้าไปในโลกคู่ขนานที่มีแต่ความมหัศจรรย์เกินบรรยาย
“จุดนี้เขาเรียกว่า เดอะสตริป (The Strip) เป็นจุดศูนย์รวมทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า การแสดงโชว์ต่าง ๆ และที่ขาดไม่ได้คือ คาสิโน หรือ บ้านเราเรียกว่าบ่อนนั่นแหละ”
“กวินทร์ ดูนั่นซิมีหอไอเฟลด้วย ดีจังไม่ต้องไปถึงปารีส” พูดไม่ทันจะขาดคำดี ฉันเหลือบไปเห็นเทพีเสรีภาพ
“นั่น เทพีเสรีภาพ” ฉันอุทาน
“เขายกมาจากนิวยอร์กเลยนะ” กวินทร์ต่อท้าย
ฉันหันไปมองกวินทร์ด้วยดวงตาแทบถลนออกจากเบ้า
“จริงเหรอกวินทร์”
“ลิต้า เธอเชื่อจริง ๆ เหรอนี่”
“อ้าว เธอหลอกฉันเหรอ”
กวินทร์หัวเราะแต่ฉันไม่ตลกตาม
“ลิต้า มีปราสาทด้วยนะ ฉันรู้เธอฝันอยากจะเข้าไปในปราสาท ที่แห่งนี้ทุกความฝันของเธอจะเป็นจริงได้”
กวินทร์ลดหน้าต่างลงให้ฉันได้เห็นชัด ๆ ฉันมองตามกวินทร์ไป เห็นน้ำพุที่ใหญ่โต และสวยงามกำลังเริงระบำไปกับแสงสี และเสียงดนตรี
“วิเศษไปเลย”
“ที่นี่คือโรงแรมอันมีชื่อเสียง เรียกว่า เบลลาจีโอ มีการแสดงระบำน้ำพุด้านหน้า วันหนึ่งฉันอยากจะพาเธอไปพักที่นี่ เราสามารถนอนมองน้ำพุจากบนเตียงนอนได้เลย”
“ฉันอดใจรอไม่ไหวแล้วหล่ะ คงรู้สึกเหมือนเจ้าหญิงจริง ๆ”
ฉันเพลิดเพลินไปกับความตระการตา ผู้คนดูมีความสุข แต่งตัวสวยงาม รถสปอร์ตเปิดประทุนขับสวนไปโดยผู้ชายใส่แว่นตาดำ ถึงแม้ในเวลานี้จะเป็นเวลาวิกาลแล้วก็ตาม ข้าง ๆ เขาเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวเซ็กซี่ ยืนชันเขาบนเบาะ ถือแก้วแชมเปนโบกมือให้ผู้คนตามถนน เธอน่าจะดื่มไปหลายแก้วแล้ว
รถคันยาว โก้หรูสีดำสนิทขับตามมา ยาวยังกับรถไฟ
“นั่นมันรถอะไรน่ะ ทำไมมันถึงยาวขนาดนั้น”
“เขาเรียกลีมูซิน่ะ ข้างในจุคนได้เป็นสิบ ใช้สำหรับจัดปาร์ตี้สังสรรค์ได้ หรูหรามากเลยทีเดียว”
“โห ที่นี่มันที่ไหน มันเป็นเมืองคนบาปยังไงกัน มันยังกับเมืองสวรรค์อย่างนั้นแหละ”
“เดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง” กวินทร์กล่าวด้วยมีเลศนัย
“นี่เราจะพักกันที่นี่” กวินทร์พูดพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าไปในโรงแรมใหญ่โตแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ
“มันคงจะแพงมากเลย” ฉันอุทาน
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก ฉันทำงานพิเศษพอจ่ายได้”
“ขอบใจมากเลยกวินทร์ ฉันนี่ช่างโชคดีเสียจริง”
เราเข้าที่พัก ฉันตื่นเต้น ตื่นตาไปกับการตกแต่งที่ดูสวยงามยังกับพระราชวัง อ่างอาบน้ำตรงกลางห้อง มองออกไปนอกหน้าต่าง ยังกับอยู่ในเมืองสวรรค์ที่ไม่ว่าตรงไหนก็ดูรื่นเริง เร่งเร้า และ ตระการตา
“ลิต้า ล้างหน้าล้างตา แล้วลงไปข้างล่างกันเถอะ ยังมีอะไรอีกมากให้เธอได้เห็น” กวินทร์กล่าวอย่างตื่นเต้น
ฉันรีบทำตามแต่โดยดี เมื่อเดินลงมาข้างล่าง ผ่านล๊อบบี้โรงแรม เป็นโถงทางเดินที่ตบแต่งอย่างอลังการด้วยหินอ่อน ภาพประดับแนวโรมัน บนผนังและตามฝ้าเพดาน ฉันแหงนหน้ามองดูจนแทบเดินชนคนที่ผ่านไปมา
“ลิต้า ทางนี้”
ฉันมองตามกวินทร์ไป ก็พบกับเครื่องเล่นมากมาย มองไปคล้ายไปเครื่องเล่นเกมส์ตามห้างสรรพสินค้า แต่ระรานเต็มไปหมดสุดลูกหูลูกตา แสงไฟจากแต่ละเรื่องสาดส่องไปทั่วพื้นที่ ผู้คนนั่งจดจ้องบนจอสี่เหลี่ยม พร้อมโยกคันโยกที่ติดอยู่ด้านข้าง ทุกครั้งที่พวกเขาโยกคันโยกนั้น จะมีเสียงคล้ายเหรียญตกกระทบ เคล้าเสียงดนตรีที่ดูตื่นเต้นเร้าใจ
“อันนี้เขาเรียกว่า สล็อตแมชชีน โยกไปโยกมา ได้บ้างเสียบ้าง อันนี้เธอก็เล่นได้ ง่ายมาก”
“ฉันว่าน่าจะเสียง่ายมากกว่าได้นะ” ฉันต่อคำยอกย้อน
“เดี๋ยวเราจะไปแลกชิพกัน” กวินทร์เดินนำฉันไปที่เค้าท์เตอร์ซึ่งมีพนักงานชายหญิงผูกโบว์หูกระต่าย นั่งอยู่ด้านหลัง เขายื่นแบงค์ดอลล่าร์ไปให้พนักงาน พร้อมกับรับเหรียญพลาสติก หลากสีสรรมาแทน
“อันนี้เขาเรียกว่าชิพ ใช้แทนเงินในการเล่น มาทางนี้ ฉันจะพาเธอไปเล่นเกมส์แบล๊คแจ๊คกัน”
“เกมส์อะไรน่ะ”
“เป็นเกมส์ไพ่ คืนนี้ขอให้ฉันได้แจ๊กและเอโพธิ์ดำซักตาเถอะนะ”
กวินทร์เข้านั่งที่โต๊ะ ทรงขึ้นครึ่งวงกลม ที่ข้างหนึ่งมีพนักงานผูกโบว์หูกระต่ายนั่งอยู่ ส่วนรอบครึ่งวงกลมมีเก้าอี้ทรงสูง หญิงคนหนึ่งกับชายสูงวัยนั่งอยู่ก่อนแล้ว
พอกวินทร์เข้านั่ง พนักงานก็เริ่มแจกไพ่ กวินทร์กวักมือเรียกพนักงานสาวคนหนึ่งที่เดินถือถาดเครื่องดื่ม และหันไปพูดเป็นภาษาอังกฤษ เธอเดินจากไป ซักพักก็กลับมาพร้อมเครื่องดื่ม เธอเสริฟแก้วหนึ่งให้ฉัน และอีกแก้วหนึ่งให้กวินทร์ กวินทร์หยิบชิพที่มีมูลค่าหนึ่งดอลล่าร์สองเหรียญให้เธอไป
“ลองดื่มซิเธอน่าจะชอบ”
ฉันยกเครื่องดื่มขึ้นดื่มแล้วถาม “แก้วละหนึ่งดอลล่าร์เองเหรอ ทำไมราคาถูกจัง”
“หนึ่งดอลล่าร์เป็นค่าทิบน่ะ ส่วนเครื่องดื่มน่ะเขาไม่คิดค่าบริการหรอก”
“จริงเหรอ ทำไมเขาใจดีขนาดนี้”
“มันเป็นแผนการณ์ที่แยบยล ให้เธอเมาและเล่นมือเติบไงละ” กวินทร์ขำเบา ๆ
“จริงซินะ ฉลาดมากเลย”
ฉันนั่งดูกวินทร์เล่น พร้อมกับดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าด้วยความอยากทดลอง
ฉันไม่ค่อยเข้าใจเกมส์นัก แต่ฉันเห็นกวินทร์ได้ชิพเพิ่มก็พอเข้าใจได้ว่า กวินทร์คงจะมีฝีมือไม่น้อย เขาดูมั่นใจและเร่ิมจะลงหนักมือขึ้น
เกมส์สุดท้ายเขาลงชิพทั้งหมดเกือบที่มี ฉันนั่งลุ้นหลังโก่ง ขอให้เขาชนะทีเถอะ ไม่งั้น เราก็คงถึงกับหมดตัวกันเกมส์นี้
กวินทร์รับไพ่มาสองใบ เขาหงายไพ่ออกอย่างกระหยิมยิ้มย่อง เผยให้เห็นแจ๊กและเอโพธิ์ ผู้เล่นคนอื่นดูหัวเสีย พนักงานกวาดชิพที่มีทั้งโต๊ะมาที่กวินทร์
พวกเราช่วยกันหอบชิพทั้งหมด แล้วตรงที่ที่ค้าท์เตอร์แลกเหรียญในทันที
“ลิต้า ขอบใจมาก เพราะเธอแท้ ๆ เป็นดั่งตุ๊กตานำโชคของฉัน”
“เพราะเธอเล่นเก่งต่างหากละ” ฉันพูดยกยอกวินทร์
“เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปเลี้ยงอาหารเย็นสุดหรู ให้สมกับที่มาถึงลาสเวกัส” กวินทร์พูดพลางใช้สองมือยกฉันขึ้นสวมกอดไว้แน่น ฉันร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตเขาเบา ๆ
คืนนั้นกวินทร์พาฉันไปทานอาหารบุฟเฟต์ในโรงแรม ฉันได้ทานขาปูยักษ์เป็นครั้งแรกในชีวิต มันอร่อยมาก เสียดายก็แต่ขาดน้ำจิ้มรสแซ่บแบบบ้านเรา ฉันไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย ชีวิตเคียงข้างกวินทร์ช่างน่าตื่นเต้น เร้าใจ
ตกดึกฉันพลอยหลับไป ด้วยความเหนื่อยจากการเดินทาง และ แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปหลายแก้ว