ตอนที่ 23 กลับบ้าน
ลิต้าเจน เดอะ ซีรีส์ 1 หลงทางรักนครมายา
Image by press 👍 and ⭐ from Pixabay
ตอนก่อนหน้าและตอนถัดไปรวมอยู่ในนี้ รวมทุกตอน
กวินทร์จูงมือฉันเข้าไปในบ้าน พอเห็นกวินทร์เท่านั้น ฉันถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ กวินทร์ดึงฉันเข้าไปกอดอย่างอ่อนโยน
“เธอไม่น่าต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้เลย ฉันขอโทษจริง ๆ” กวินทร์พูดพร้อมใช้มือปาดน้ำตาฉันเบาๆ
“แล้วนี่เธอได้ทานอะไรบ้างรึยัง” กวินทร์ถาม ฉันได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ กลัวว่าถ้าเอื้อนเอ่ย ทำนบน้ำตาที่พยายามกลั้นจะพังทลายลงตรงนี้
“ให้ฉันหาอะไรให้เธอทานก่อน” กวินทร์พูดพร้อมกับเดินจูงมือฉันไปที่โต๊ะอาหาร ความอ่อนโยนของเขายิ่งตอกย้ำให้ฉันยิ่งเจ็บปวด
“เธอทำอาหารนี่เหรอ” กวินทร์ถามเมื่อมองเห็นอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะอาหาร
“แล้วทำไมเธอยังไม่ทาน” กวินทร์มองด้วยความกังวลใจ
ฉันได้แต่เงียบงันเพราะไม่รู้จะมีเหตุผลใด มากมายไปกว่าคำว่ารักของคนโง่ ๆ คนหนึ่ง
“เธอทำอาหารให้ฉันเหรอ” กวินทร์ถามต่อพร้อมกับสายตาแห่งความเศร้า ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ
“เธอไม่โกรธฉันหรือ” เขาถามด้วยความสงสัย ฉันยังคงไม่สามารถตอบอะไร จริง ๆ ฉันเองก็ยังสับสนและไม่แน่ใจในการกระทำของตัวเอง ฉันควรต้องโกรธ ต้องเกลียดเขา แต่ฉันนั้นยังรัก
เขาคว้าฉันเข้ามาสวมกอดไว้พร้อมพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“ทั้งที่ฉันทำกับเธอขนาดนี้ ฉันไม่สมควรได้รับสิ่งเหล่านี้เลย”
นั่นซินะ เขาทำกับฉันขนาดนี้ เพราะอะไร
“ฉันไม่เข้าใจกวินทร์” ฉันเอ่ยขึ้นในที่สุด “มันเกิดอะไรขึ้นกับเรา”
“ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันดูไม่สมเหตุสมผล เชื่อฉันเถิดนะ ว่าฉันไม่ได้คาดให้มันเป็นอย่างนี้เลย” กวินทร์พูดพลางกุมสองมือฉันไว้
“แล้วทำไมเธอถึง เลือกที่จะทิ้งฉัน เธอหมดรักฉันแล้วหรือ” หยาดน้ำที่พยายามกลั้นเอาไว้ หลั่งไหลออกมาอีกครั้ง
“เธอก็รู้ว่ามันไม่จริง ฉันรักเธอ ลิต้า”
“แล้วมาลิสาละ”
“สำหรับ มาลิสา ความรักที่เคยมีให้เขาเหลือเพียงเพื่อนเท่านั้น”
คำตอบของกวินทร์ ยิ่งทำให้ฉันสับสน
“แล้วทำไมเธอถึงเลือกไปกับเขา และ ทิ้งฉัน”
“พูดไปก็เหมือนฉันเป็นคนเห็นแก่ตัว” กวินทร์ก้มหน้า ท่าทีเขาอึดอัดใจ
“พูดมาเถอะ ไม่มีอะไรจะเจ็บไปกว่านี้ได้แล้ว”
“ชีวิตฉันอยู่ที่นี่ เธอเข้าใจไหม ฉันยังต้องเจอมาลิสา อีกหนึ่งปีการศึกษา”
“ฉันยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
“เราทำโครงงานด้วยกัน จะว่าไปแล้วมาลิสาก็เหมือนเพื่อนคนเดียวที่ฉันมี”
“แล้วนั่นทำให้ต้องทอดทิ้งฉันอย่างนั้นหรือ”
“เขาขู่ว่าถ้าฉันไม่เลิกกับเธอ เขาจะทิ้งการเรียนและกลับเมืองไทย”
“ทำไมเขาต้องทำขนาดนั้นด้วย”
“เขาไม่เหมือนเธอ ลิต้า เขาอารมณ์ร้าย และ ขึ้น ๆ ลง ๆ”
“เพราะเขาไม่เหมือนฉัน ฉันเลยสมควรโดนถูกทอดทิ้งอย่างนั้นเหรอ มันยุติธรรมกับฉันหรือ”
“ลิต้า ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร” กวินทร์โผเข้ากอดฉันที่ในเวลานี้ได้แต่แน่นิ่งอย่างคนไร้วิณญาณ
“ลิต้า ยกโทษให้ฉันได้ไหม”
ฉันนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร น้ำตาที่มีมันไหลกลับสู่ด้านใน ผู้ชายที่ฉันรัก ที่เป็นเสมือนที่พึ่งพาในทุกสิ่ง เขาทำได้เพียงเท่านี้เอง ทำให้ฉันรัก และ ทำร้ายฉัน คืนนั้นฉันนอนร้องไห้เพียงลำพัง กวินทร์จากไปสู่อ้อมแขนของผู้หญิงที่เขาบอกว่าไม่ได้รัก
…
เช้าวันรุ่งขึ้นกวินทร์มารับฉันที่พร้อมแล้ว สำหรับการเดินทางกลับ สู่อ้อมกอดของประเทศไทยที่ฉันจากมา ฉันไม่ได้นอนแทบทั้งคืน ได้แต่ครุ่นคิดถึงบทสนทนาของฉันและกวินทร์ ฉันไม่รู้หรอกว่าเรื่องจริงคือเช่นไร รู้แต่เพียงว่าฉันไม่ขออยู่เป็นมือที่สามของใคร
"ลิต้า เธอยังรักฉันอยู่ไหม”
“ฉันไม่อยากตอบ แต่เธอเองก็คงรู้ดี”
“รอฉันได้ไหม ฉันจะกลับไปทันทีเมื่อเรียนจบ มันอีกไม่นานแล้ว”
“ให้ฉันรอในฐานะอะไร” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา มองจ้องในเข้าไปในนัยตา ของกวินทร์ที่ได้แต่เงียบงำ
“ชู้รักของคนที่มีเจ้าของ อย่างนั้นหรือ” ฉันตอบกลับย้ำความเจ็บช้ำข้างใน
“ฉันรักแค่เธอเท่านั้นลิต้า แล้วฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็น” กวินทร์ทิ้งท้ายก่อน
ฉันเดินจากเขาไป หลังประตูขาออกผู้โดยสารต่างประเทศโดยไม่หันมามองเขาอีกเลย
น้ำใส ๆ ไหลออกตา ในใจได้แต่ภาวนา ให้กวินทร์ช่วยพิสูจน์ให้ฉันเห็นที ว่าคนที่ฉันรัก ไม่ใช่ผู้ชายขี้ขลาดตาขาว เอาตัวรอด และทอดทิ้งคนที่เขาว่ารักหนักหนา ทำให้เชื่อทีเถอะกวินทร์
บรรยากาศการเดินทางกลับช่างแตกต่างจากการมาอย่างสิ้นเชิง หากฉันรู้ว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างนี้ ฉันนั้นยังจะเลือกขึ้นเครื่องบินมาหรือไม่ ฉันมองดูรูปถ่ายผ่านจอแสดงภาพจากกล้องดิจิตอล ภาพแต่ละภาพช่างสวยงามและเต็มไปด้วยความหมาย ทุกๆถ้อยคำและการกระทำของกวินทร์นั้น ทำให้ฉันไม่อาจคาดคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ความเจ็บปวดที่ปราศจากการเตือนเป็นบาดแผลที่ฝังลึก ซึ่งฉันต้องใช้เวลาเนิ่นนานในการรักษา มันทำใหฉันกลัวการถูกทอดทิ้ง ถึงแม้ในยามที่ทุกอย่างช่างดูวิเศษและเลิศเลอ ฉันกลับมีความกลัวที่ฝังลึก ว่าสิ่งดี ๆ ที่ฉันได้รับอาจมลายหายไปในพริบตา
ความกลัวที่ทำให้ฉันผวาตื่นในทุกค่ำคืน เกรงว่าจะมีใครบุกเข้ามาช่วงชิงของรักจากฉันไป ทั้ง ๆ ที่ในเวลานั้นฉันไม่เหลือใครให้รัก หรือแม้แต่ความรักให้ตัวเอง
ความเจ็บปวดฝังลึก รวมทั้งภาระหน้าที่ในการงานที่ได้ถาโถมเข้าอย่างหนัก ทำเอาสภาวะจิตใจฉันทรุด
ฉันไม่มีสมาธิในการทำงาน ไม่อยากสนทนาพูดคุยกับใคร โชคยังดีที่ที่ทำงานฉันไม่มีการตอกบัตร หรือ ตรวจเวลาเข้าออก เวลาที่ฉันฟุ้งซ่าน ฉันจะขับรถออกไปข้างนอก และที่ที่ัฉันไปในแทบทุกวัน ก็คือบ้านของกวินทร์ที่กรุงเทพ ฉันขับไปที่นั่น มองดูรั้วบ้าน มองดูหน้าต่างห้องนอนของกวินทร์ และ ร้องไห้อยู่ตรงนั้นเอง เป็นอย่างนี้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามเดือนเต็ม กวินทร์โทรหาฉันในช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อฉันไม่รับสาย เขาก็เลิกล้มความตั้งใจไป ความพยายามของเขามีเพียงเท่านั้นเอง
ฉันเข้ารับการปรึกษากับผู้ให้คำปรึกษาทางจิต แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้อาหารซึมเศร้าของฉันดีขึ้น