ตอนที่ 48 หอไอเฟล (ตอนจบ)
ลิต้าเจน เดอะ ซีรีส์ 1 หลงทางรักนครมายา
Image by Наталья Данильченко from Pixabay
ตอนก่อนหน้าและตอนถัดไปรวมอยู่ในนี้ รวมทุกตอน
ยิ่งทำเฉย ยิ่งทำให้ดีแลนท์พยายามมากขึ้น ฉันอยากจะบอกเขาใจแทบขาดว่าฉันเป็นของเขาตั้งแต่แรกเห็น แต่ก็ได้แต่กึ่งรับกึ่งสู้ไป ไม่ตอบรับความรู้สึกเขาและไม่ปฏิเสธเช่นกัน
จนในที่สุดวันที่จอห์นกลับมาก็มาถึง ฉันรวบรวมกำลังใจ และความกล้าทั้งหมด ที่จะบอกความจริงกับเขา เป็นช่วงเวลายากลำบากช่วงหนึ่งเลยของชีวิตฉัน ที่ต้องทนเห็นคนที่รัก และ ทุ่มเทความรักให้ฉันต้องเสียใจ แต่จะให้ทำอย่างไร ฉันไม่ได้รักเขา และ เวลาก็ไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปได้
เขาร้องขอ อ้อนวอน แต่เมื่อฉันยืนกราน เขาก็ยอมรับมันในที่สุด ฉันย้ายกลับมาอยู่คอนโดของฉัน ดีที่ยังไม่ได้ขายไปเสียก่อน และ เริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่เดิมอีกครั้ง ส่วนบ้านที่เราซื้อด้วยกันนั้น ฉันขอให้คุณพ่อช่วยจ่ายส่วนที่จอห์นได้จ่ายไป และ ทำการขายในเวลาต่อมา เป็นอันจบความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับจอห์นที่แม้ไม่สวยงาม แต่ฉันก็ไม่เสียใจเลย
ทุกวันนี้จอห์นมีครอบครัวที่น่ารัก ภรรยาสาวชาวญี่ปุ่นและลูกน้อยวัยแบเบาะ ฉันปรารถนาให้ชีวิตเขาเต็มไปด้วยสิ่งดีงามและครองรักกันอย่างมีความสุข สมกับความดีที่เขามี ฉันซาบซึ้งเสมอถึงสิ่งดี ๆ ที่เขาได้มอบให้ ชีวิตนี้คงเงยตาอ้าปากไม่ได้เลย หากขาดความรักจากเขาที่ช่วยชุบชีวิตให้คนที่รู้สึกไร้ค่าในวันนั้น
และเมื่อฉันเป็นโสดสนิททั้งทางปฏิบัติและทฤษฏีแล้ว ก็ไม่มีอุปสรรคอันใดที่จะมาขวางกั้นระหว่างฉันและดีแลนท์ แต่อย่างไรเสีย อดีตอันโชกโชน ยังคงตามมาหลอกหลอนฉัน ให้ต้องกังวลว่าฉันนั้นจะดีพอหรือคู่ควรกับการมีความรักที่สุขสมบูรณ์ ลึก ๆ ฉันเองนั้นรู้สึกผิดที่ปกปิดคนที่ฉันเคยเป็น นีน่าและลิซ่าต่างก็กำชับฉันเป็นหนักแน่นว่าอย่าได้เผลอไผลให้ใครรู้โดยเด็ดขาด เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนอยากได้ผู้หญิงที่มากไปด้วยประสบการณ์จากชายมากหน้าหลายตา
“มายา ถ้าเขารู้ว่าฉันเคยผ่านอะไรมาบ้าง เขาจะยังชอบฉันไหม”
“มันก็คงยากสำหรับผู้ชายที่ต้องยอมรับความจริงข้อนี้ แต่เธอไม่เห็นต้องกังวลเลย ยังไงเสียเขาก็ไม่มีทางรู้”
“จริงของเธอ”
“เราจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดไป”
ฉันเปิดโอกาสให้ตัวเองและดีแลนท์อย่างเต็มที่ หัวใจของฉันแช่มชื่นไปด้วยความรักอันแสนโรแมนติก เพียงได้มองเห็นเขาก็เติมเต็มไปทุกห้วงของจิตวิณญาณ นี่หล่ะหนาความรัก คนบางคนมาพร้อมพลังพิเศษที่เปลี่ยนโลกมึนเทาสีหม่นให้เป็นความสดใส ได้เพียงเพราะการมีตัวตนอยู่ของเขา
ฉันมีความสุขในแบบที่หมดอาลัยอาวรณ์กับกวินทร์อย่างสิ้นเชิง ดีแลนท์เองที่พยายามมอบความรักให้ฉันอยู่เป็นเนือง ๆ เมื่อฉันสมยอมรับความรักของเขา การรอคอยทำให้ความรักยิ่งสุกงอม เราทั้งสองติดกันงอมแงมจนเพื่อน ๆ ถึงกับออกอาการหมั่นไส้และอยากอ๊วก เอาเถอะให้ฉันหน่อยเถอะ เพราะนับจากเรื่องราวของกวินทร์ ซึ่งผ่านมาถึงห้าปีแล้ว ฉันเพิ่งเคยได้สัมผัสความรู้สึกนี้ อีกครั้ง
ฉันมักพูดกับดีแลนท์บ่อยครั้ง ว่าฉันดีใจและมีความสุขมากแค่ไหน ที่ได้พบเจอเขา ฉันรู้สึกขอบคุณการมีอยู่ซึ่งตัวเขาที่ทำให้ฉันรู้ว่า หัวใจของฉันยังไม่ด้านชา มันยังคงรู้สึก และยังรู้สึกได้อย่างลึกซึ้งเสียด้วย มากกว่าครั้งหนึ่งเมื่อห้าปีที่แล้ว
และนั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ไปเยือนทวีปยุโรป ครั้งแรกที่ได้เห็นหอไอเฟล บรรยากาศของเมืองปารีสดั่งต้องมนต์สะกด ทุกหย่อมหญ้าสวยงามเต็มไปด้วยกลิ่นไอของความรัก มองไปทางไหนก็หาที่ติมิได้ เกิดมาฉันไม่เคยเห็นศิลปะทางตะวันตกจะหมดจดงดงามเยี่ยงนี้มาก่อน
และยิ่งได้ยินเรื่องราวของหอไอเฟลที่ในเวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก แม้แต่คนที่ไม่เคยเดินทางเลยก็ยังคงเคยได้ยินชื่อ มันยิ่งทำให้ฉันประทับใจยิ่งขึ้นไปอีก
“นี่ไงละ ลา ตูค์ อิฟเฟล (La Tour Eiffel) ในภาษาฝรั่งเศส หรือที่เรา ๆ เรียก หอไอเฟล” ดีแลนท์แนะนำ หอคอยเหล็กสูงบนถนน ชองป์ เดอ มารส์ ที่มีแม่น้ำแซน ไหลผ่านนี้ อย่างกับเป็นเพื่อนเก่า
“ไม่บอกเธอก็คงรู้ว่า นี่คือสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศส และยังเป็นที่รู้จักกันดีตามหนังรักฮอลลีวู๊ดเลยก็ว่าได้”
ฉันแหงนหน้ามองดูยอดของอาคารเหล็กที่สูงสุดตา
“สวยมากเลย น่าภูมิใจแทนคนฝรั่งเศสเสียจริงที่มีสัญลักษณ์ที่สวยงามสุดแสนโรแมนติกขนาดนี้” ฉันพูดพลางหันไปมองรอบ ๆ ที่เต็มไปด้วยบรรดาคนรักที่กำลังพรอดรักกันอย่างเปิดเผย
“ใครกันจะรู้ว่ากว่าหอไอเฟลจะกลายมาเป็นที่รัก และเป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวฝรั่งเศสต่อประชาคมโลกดั่งในปัจจุบันนี้ หอไอเฟลเคยถูกขนานนามว่า ความอัปลักษณ์บนใบหน้าของปารีส”
“ห๊า” ฉันเองที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับต้องอ้าปากค้างว่า หอเหล็กอันสูงชันที่ทุกวันนี้ดึงดูดผู้คนนับล้านให้มาเยี่ยมชม นี่ยังไม่รวมพวกกุญแจและข้าวของตบแต่งบ้านที่ทำเลี่ยนแบบหอไอเฟลอีกมากมาย ที่แห่งนี้ที่ครั้งหนึ่งถูกตราหน้าว่าคือความอัปลักษณ์
“ทำไมผู้คนถึงเรียกไอเฟลว่าความอัปลักษณ์เล่า” ฉันอดสงสัยเสียไม่ได้
“ทุกอย่างเป็นไปตามยุคสมัย ในยุคนั้นถูกมองว่ามันออกจะประหลาดไม่เข้ากันกับอาคารบ้านเรือนและโบสถ์เก่าแก่ในเมือง” ดีแลนท์ตอบ
“แล้วเขาสร้างมันขึ้นมาทำไมกัน” ฉันยังนึกสงสัยต่อ
“เขาสร้างขึ้นเพื่อการเฉลิมฉลองวันครบรอบ 100 ปี แห่งการปฏิวัติประเทศฝรั่งเศส” ดีแลนท์อธิบายต่อ
“ในเวลานั้นเขามีการกระกวดและคัดเลือกกว่าจากหนึ่งร้อยกว่าการออกแบบเชียวนะ และ การออกแบบของสถาปนอกชื่อว่า กุฟตาฟ ไอเฟล ก็ได้รับการคัดเลือก”
“กระนั้นก็ยังมีคนไม่ชอบอีกเหรอนี่” ฉันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“แต่อย่างไรเสีย ท่ามกลางเสียงรังเกียจเดียจฉัน ก็มีบรรดาคนโห่ร้องให้กำลังใจ กุฟตาฟ ไอเฟล ขณะที่เขาเดินเท้าขึ้นบันได 1,710 ขั้นเพื่อไปประดับธงชาติฝรั่งเศสที่ยอดหอคอย” ดีแลนด์เล่าต่อ
ฉันแหงนหน้ามองดูหอไอเฟล นึกจินตนาการภาพของชายชาวยุโรปเดินขึ้นหอคอยท่ามกลางเสียงสรรเสริญและวิพากษ์วิจารณ์ มันทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่า ความสวยงาม ความน่ารังเกียจ ความดี เลว แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงเรื่องราวที่มนุษย์อย่างเราปรุงแต่งไปเองเท่านั้น
พลางนึกไปถึงอดีตอันไม่น่าสรรเสริญของตัวเองแล้ว หากดีแลนด์ได้ล่วงรู้เขาจะยังคงเทิดทูลบูชาฉันอย่างเช่นเวลานี้หรือไม่
“อยากรู้จังว่านายกุสตาฟนี่เขาจะรู้สึกอย่างไรกันนะ สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ สวนทางความรู้สึกของผู้คนในยุคสมัย”
“ใช่ ไม่ง่ายเลย ดังนั้นเวลาที่มีผมเจออุปสรรค ผมมักจะนึกถึงเรื่องราวของหอไปเฟลนี้เสมอ”
ดีแลนด์หันมายิ้มให้กับฉัน
“เหมือนตอนที่ผมพยายามเอาชนะใจในตอนแรก ๆ แล้วคุณกลับดูไม่สนใจใยดีเอาเสียเลย”
“ฉันขอโทษ” ฉันยิ้มเล็กยิ้มน้อย เก็บงำความลับที่ไม่เคยบอกใคร ว่าเหตุอันใดใยฉันถึงแสดงท่าทีเฉยเมยต่อเขา
“ไม่เป็นไรครับ ก็คุ้มกับการรอคอย” ดีแลนท์กล่าวพร้อมทั้งสวมกอดฉันเบา ๆ
“แปลกจริงเชียว คุณค่าของหอไอเฟลนั้นเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แล้วคุณค่าของคนละ อยู่ที่ตรงไหน” ฉันถามพลางนึกสะท้อนถึงความพลาดพลั้งนับครั้งไม่ถ้วนในอดีต
“ผมคิดว่าอยู่ที่สิ่งที่คน ๆ นั้นมองเห็นตัวเอง”
“แม้กระทั้งว่า คน ๆ นั้นอาจจะเคยผ่านเรื่องราว หรือ ทำส่ิงที่ไม่ดีก็ตามหรือ” ฉันกล่าวต่อพยายามซ่อนความกังวลไว้ข้างใน
“วันนี้คุณถามแปลก มีอะไรรึเปล่า”
“ฉันก็แค่สงสัยเท่านั้นเอง”
“อดีตก็คืออดีตสำหรับผม สิ่งสำคัญที่สุดคือปัจจุบัน ผมไม่เคยเอามาใส่ใจ และ ผมก็เชื่อว่าคนเราทุกคนสมควรได้รับการให้อภัย และควรให้อภัยตัวเอง”
“ถ้าหากว่าฉันไม่ได้ดีอย่างที่คุณคิดละ”
ดีแลนท์หันมามองฉันด้วยสายตาสงสัย ก่อนจะดึงฉันเข้าไว้ในวงแขน”
“ไม่ว่าที่ผ่านมาคุณจะเคยเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งที่ผมรู้คือ คุณเป็นคนดี จิตใจอ่อนโยน ผมรักคุณอย่างที่คุณเป็นในตอนนี้”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดพลางเขย่งสุดปลายเท้ามอบจุมพิตเบา ๆ ที่ริมฝีปากของดีแลนท์ ใต้หอไอเฟลนั่นเอง
ฉันไม่รู้เลยว่าความรักครั้งนี้จะยืนยาวซักแค่ไหน และอะไรที่ฉันจะต้องพบเจอในอนาคต ฉันนึกขอบคุณตัวเองถึงทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามา ความล้มเหลวและความผิดหวังในอดีต ประสบการณ์ที่หล่อหลอมให้ฉันเป็นตัวฉัน ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ มีเพืยงปัจจุบันที่ฉันจะทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร ความรักของฉันและดีแลนท์จะเป็นอย่างไร ไม่ว่าฉันจะต้องพบเจอเรื่องราวใด ๆ สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้ดีคือ ฉันจะไม่หยุดให้หัวใจดวงนี้ได้รับความรัก ฉันจะรัก ไม่ว่าจะต้องเจ็บอีกซักกี่ครั้งก็ตาม นี่แหละเรื่องราวของฉัน ลลิตา เจนเนตร