เพื่อน ๆ ที่รัก คิดถึงอิฉันบ้างไหม หายเงียบอีกแล้ว แง้ อย่าเพิ่งงอนกันเลยนะ ขณะที่อิฉันกำลังเขียนตอนนี้อยู่นี่ อิฉันกำลังนอนอาบแดด จิบไวน์สวย ๆ อยู่ที่กรีช อุ้ย น่าหมั่นใส้เนอะ อนุญาติให้หมั่นใส้ได้ ฮึ ๆ
ทริปนี้ต้องบอกว่าเป็นทริปในฝันเลย เพราะอิฉันอยากจะมากรีชตั้งแต่ได้ดูภาพยนตร์เรื่อง MamaMia ตั้งแต่ครั้งยังเป็นวัยสะรุ่น ฝันมาตลอดว่าจะมาติดเกาะที่นี่ แต่ก็จนแล้วจนรอดไม่เคยได้มาซักที ในที่สุดคุณผู้ชายที่รักก็จัดแจงจัดการพามาในที่สุด โดยมิได้ต้องขอเลย เธอผู้มีสายเลือดแห่งการเดินทาง จัดการทุกอย่าง เลือกวันเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน รถ และ โรงแรม ฉันนี่ช่างโชคดีจริง ๆ
ก่อนจะมายังกรีซ เราแวะกันที่แมดริด เมืองหลวงของสเปนสองคืน
คืนแรกพักที่ Madrid Marriott Auditorium โรงแรมดีมาก ๆ เลย ได้อัพเกรดเป็นห้องสวีท เพราะคุณผู้ชายเธอเป็นเมมเบอร์ผู้จงรักภักดี สวามิภักต่อโรงแรมในเครือมาริออท เรียกว่านอนของเขาจนเหมือนเป็นบ้าน ก่อนที่อิฉันจะได้รู้จักเธอ เธอนั้นไม่เคยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งเลย เธอนอนตามโรงแรมนี่แหละ ท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ ประเทศนั้นที ประเทศนู้นที ฉันมารู้ก็เมื่อรู้จักเธอเข้าปีที่สามไปแล้ว
วันแรกเราไม่ได้ทำอะไรมากนัก เพราะตื่นเช้าออกเดินทางเลยเพลียนิดหน่อย พักผ่อน ทานอาหาร และนอนเป็นหลักค่ะ วันที่สองถึงได้ไปเดินชมเมืองกันจนขาลากเลยเจ้าคะ อากาศดีมาก ๆ เสียดายที่อิฉันไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแมดริดนักจึงได้ไปเดินชมความงาม แต่ไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่ เอาภาพสวย ๆ มาให้ชมกันนะเจ้าคะ
หลังจากเดินจนขาปวดหมดสภาพเราก็กลับมานอนเอาแรงรอการเดินทางสำหรับวันต่อไป
อิฉันนี่ตื่นเต้นมาก ในที่สุดก็จะได้ไปกรีชประเทศในฝันเสียที อุ้ยดูวิวจากบนท้องฟ้าซิค่ะ แค่นี้ชะนีก็น้ำตาเอ่อเบา ๆ แบบว่าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันได้มาแล้วนะ ที่ที่อยากมาที่สุด ทำไมนะก็แปลกเสียจริง ไปมาซะทั่วแต่ประเทศในฝันเพิ่งจะได้มาเอาตอนนี้
ทริปนี้เรามาเที่ยวเกาะที่เรียกว่าคอร์ฟู พอเท้าแตะกรีชเราก็ออกตะลอนในเมืองกันเลย บรรยากาศน่ารัก งุงิมาก ดอกไม้สีสดทำให้สดชื่นฝุด ๆ ความร้อนนี่แทบทำเอาฉันปลดเปลื้องเสื้อผ้าเสียหมด ตอนนั่งเครื่องมายังมิดชิดดี เดิน ๆ ไปกระดุมชักจะหลุดไปตามระยะทาง เหอ ๆ
ในบรรดาเกาะแก่งทั้งหลายของกรีช คอร์ฟูถือเป็นเกาะที่มีความเป็นกรีชน้อยที่สุด อ้าว ไหงงั้นละ เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะเกาะนี้ชาวยุโรปนิยมแวะเวียนมา และทิ้งวัฒนธรรมเอาไว้ โดยเฉพาะชาวอิตาลี่ โดยเฉพาะเมืองคอร์ฟูที่มีลักษณะปานว่าอยู่เวนิส แห่งอิตาลี่ (อันนี้จำเขามาเล่า ยังไม่เคยไปเวนิสก็ไม่รู้ว่ามันยังไง ไว้ไปแล้วจะมาคอนเฟริมนะจ๊ะ) เอ๊า ดูบรรยากาศกันเลย
เดินไป เดินมาชักหิว นี่เลย จานเด็ด อาหารพื้นเมืองของชาวคอร์ฟู เป็นเนื้อกับพาสต้ามากับชีส เรียกว่า Pastitsada รสชาติอารมณ์ว่าเครื่องเทศจัดมาก ๆ น้อง ๆ อาหารอินเดียเลย อร่อยดีจ๊ะ ชอบมาก ราคาก็อาหารก็น่ารักน่าชัง เมื่อเทียบกับฝรั่งเศสแล้ว รู้สึกอยากอาหารขึ้นมาทันที
คืนแรกเราพักกันที่โรงแรมเล็ก ๆ น่ารัก ชื่อว่าเซเรน่า
https://www.google.com/travel/hotels/s/e24Nm
ที่น่ารักน่ะไม่ใช่เพียงห้องพักนะ แต่เจ้าของโรงแรมนี่ซิ น่ารักมาก เธอชื่อ เจนนี่ เป็นลูกสาวของเจ้าของโรงแรม เธอทำให้ฉันรู้สึกว่าคนกรีชนั้นยินดีต้อนรับพวกเรา บอกตามตรงน้ำตาแอบไหลเบา ๆ ตอนที่เธอพยายามที่จะทำความรู้จักเราอย่างจริงใจ ก็น่ะ ฉันก็ได้ไปเที่ยวมาเยอะ แต่หลัง ๆ นี้พักแต่โรงแรมแบบแฟรนไชน์ ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกอบอุ่นอย่างนี้มานาน
เราจองอาหารเย็นมาพร้อมกับห้องพักด้วยเลย อาหารอร่อยทำจากพืชผักที่ปลูกในสวนของโรงแรม บรรยากาศเหมือนทานข้าวที่บ้าน กินอิ่มจนจุกเลย
ช่วงที่เราไปนี้กรีชเพิ่งเปิดรับนักเดินทาง โรงแรมนี้เองก็เพิ่งจะเปิดได้ไม่นานหลังปิดไปเกือบ ๆ 3 ปี คืนนั้นก็มีเพียง 3 ห้องเท่านั้นเองที่เข้าพัก ต้องบอกว่าสปิริทของเจนนี่นี้ไม่มีย่อท้อเลย ร่าเริงแจ่มใส ได้ใจฉันไปสุด ๆ ใครไปกรีชมีโอกาสต้องเข้าไปพัก ฝากบอกเจนนี่ด้วยว่าฉันคิดถึง
คืนที่สองและคืนต่อจากนี้ไป เราเข้าพักกันที่โรงแรม Domes Miramare, a Luxury Collection Resort, Corfu ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือ Mariott และอยู่ในกลุ่ม Luxury Collection ของมาริออท
โรงแรมในเครือมาลิออทนี้ก็ไม่ได้เหมือนกันไปหมดนะ จะมีการจัดลำดับด้วย ซึ่งไอ้เจ้า Luxury Collection นี่ก็คือระดับเกือบ ๆ จะหรูสุดของเครือนี้ ก่อนจะมาวาดฝันไว้ซะเยอะ เพราะคุณผู้ชายเธอบอกว่า เป็นโรงแรมที่ดีอันดับต้น ๆ ของเกาะนี้เลย อย่างนี้ไม่ให้ฉันตื่นเต้นได้ยังไง ความสวยงามนั้นไม่ผิดหวังเลย บรรยากาศแบบหรู ๆ เรียบ ๆ เบา ๆ สบายตา
ล๊อบบี้สีขาว โอ่โถง และ ที่สำคัญไม่รู้เขาทำยังไง กลิ่นดีมาก หอมแบบให้ความรู้สึกหรูหรามาก
คืนแรกพวกเรามาถึงได้เข้าห้องพัก standard ที่จองมา เพราะโรงแรมค่อนข้างเต็ม ฉันนี่งงจริง ๆ โรงแรมแพง ๆ น่ะเต็ม แต่ที่พักราคาย่อมเยาว์ว่าง ทำให้เห็นว่าสถานการณ์โควิดนี่มีผลกระทบน้อยกว่าสำหรับธุรกิจที่เปิดขึ้นมาเพื่อคนมีฐานะดี
และราคาโรงแรมหรู ๆ ก็ไม่ได้ถูกลงแต่อย่างใด ห้องพักถูกสุดก็ปาไปคืนละสี่ห้าร้อยยูโรต่อคืน ทำไมคนมีตังค์มันเยอะจัง คุณชายเธอยังเปรยว่าคนมีฐานะนั้นมีเยอะจริง ๆ เสมือนว่าเป็นเรื่องสามัญธรรมดา หากจะไม่เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นเห็นทีก็น่าเสียดาย ที่เธอพูดอย่างนี้เพราะถ้าให้จ่ายสี่ห้าร้อยยูโรนี่เธอคงจะไม่มา เพราะสำหรับพวกเราก็ยังรู้สึกว่ามันมากเกินไป พวกเราจองด้วย travel certificate ที่ได้มาจากการซื้อไมล์จากสายการบิน ฉันเข้าใจว่าตีเป็นเงินก็คงถูกกว่ากันมาก แต่เท่าไหร่ฉันก็ไม่แน่ใจ
คืนที่ 3 พวกเราได้อัพเกรดไปพักวิลล่าที่มีจากุซซี่ส่วนตัว ฟินมากนะเธอ ฟินก็ตรงที่ไม่ต้องจ่ายตังค์เพิ่ม แถมยังได้สิทธิ์ใช้ห้องรับรองพิเศษ หรือ ที่เขาเรียกว่าเล้าจ์ (ไม่เหมือนเล้าจ์ไก่นะจ๊ะ) ในห้องนี้ก็มีอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้บริการตลอดวัน และ เครื่องดื่มตั้งแต่น้ำอัดลมไปจนแอลกอฮอล์ ทั้งหมดไม่ต้องจ่ายเพิ่มนะจ๊ะ ฟรีจ๊ะ
อิฉันก็ต้องจัดซะหน่อย เครื่องดื่มฟูฟองเก๋ ๆ จัดไป ถ้าไม่ติดว่าโดนท่านชายเธอห้ามตลอด คงกลายเป็นนังเมรีขี้เมาอยู่ที่เล้าจ์นี้แล้ว ว่าด้วยเรื่องการดูแลตัวเองเธอนี่ที่หนึ่ง ไม่เคยเผลอติดกับของฟรีแบบอิฉัน เธอทานแต่พองาม แล้วแอลกอฮอล์นี่ถึงจะฟรีเธอก็แทบไม่ค่อยดื่ม ยกเว้นแต่ถ้าเล้าจ์ไหนเสริฟของดีจริง เธอถึงจะดื่มซักแก้ว
เอาหล่ะ ได้อัพเกรดมันดีชะนี้เอง พวกเธอก็คงจะอยากรู้ว่าทำไมพวกเราได้อัพเกรดห้องอยู่เรื่อย การอัพเกรดห้องพักนี่เป็นผลประโยชน์จากระบบสมาชิกที่เรียกว่า Royalty Program ซึ่งก็มีหลายระดับเมมเบอร์อีกขึ้นอยู่กับการสะสมปริมาณการเข้าพักพักในช่วงระยะเวลาหนึ่งปี ใครอยากรู้คงต้องไปเสริชหาอ่านนะ มีคนเขียนไว้เยอะมากคุณชายเธอเป็นพวกมีความหลงไหลในโรงแรม เพราะเธอเองก็เคยทำงานในโรงแรม เธอก็เป็นนักสะสมสเตตัสเหล่านี้ เธอเป็นเมมเบอร์แบบไทเทเนียม ซึ่งก็เกือบจะสูงที่สุดแล้ว จนเมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งมีการออกสมาชิกอีกระดับขึ้นมาก็คือระดับแอมบาสซาเดอร์ ทั้งสองระดับนี้ก็จะได้รับอัพเกรดห้องพักฟรี (ถ้าว่าง) รวมทั้งอาหารเช้าก็ฟรีด้วย และถ้าโรงแรมมีเล้าจ์ไว้บริการก็ได้รับการอัพเกรดให้ไปใช้ด้วย ไม่แน่ใจว่าเป็นแอมบาสซาเดอร์มันจะดีกว่าขนาดไหน เห็นว่ามีบลัดเลอร์ส่วนตัวอะไรประมาณนี้ แต่เพื่อนของคุณชายเธอเคยเป็นอยู่ปีหนึ่ง เขาว่ามันก็ไม่ได้เริ่ดไปกว่ามากซักเท่าไหร่
แรก ๆ ที่เธออธิบายเรื่องพวกนี้ให้ฉันฟัง ฉันนิคัดค้านเสียงแจ้ว ๆ เห็นว่ามันไม่เห็นจะจำเป็นตรงไหน นอนที่ไหนก็เหมือน ๆ กัน อิฉันเน้นเที่ยวไม่เน้นนอน จริง ๆ แล้ว เสียดายเงิน แต่พอเธอพาฉันไปตะลอน ๆ นอนห้องละหลาย ๆ พัน ไปจนหลักหมื่น อิฉันเร่ิมจะอัพเกรดรสนิยม เดี๋ยวนี้ไม่มีบ่นเลย แหะ ๆ
มันก็ดีจริง ๆ ฟินจริง ๆ ก็ต้องยอมรับแต่โดยดี และบ่อยครั้งอิฉันก็รู้สึกซาบซึ้งถึงความโชคดี ได้มีประสบการณ์ดี ๆ รู้สึกขอบคุณเทพยดาฟ้าดิน บางทีเวลามองไปที่ขอบฟ้า เห็นภูเขาอีกฟากหนึ่ง น้ำทะเลที่สดใสทอแสงประกาย ฉันก็เกือบจะมีน้ำตาแห่งความปิติเลยทีเดียว พวกเธอก็คงคิดว่าฉันโชคดีกระมัง ได้คุณผู้ชายเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ เผลอ ๆ ก็คงคิดว่าคุณผู้ชายของอิฉันคงรวยมาก ฉันเองก็เคยคิดอย่างนั้นว่าการใช้ชีวิตอย่างนี้สำหรับคนรวย และ รวยมากเท่านั้น จริง ๆ มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียว คุณชายอิฉันเธอก็ไม่ได้รวยล้นฟ้าที่ไหน พวกเรารู้สึกซาบซึ้งใจและนึกขอบคุณเสมอที่ได้มีประสบการณ์เหล่านี้ เธอเองก็ผู้ชายธรรมดานี่แหละ แต่เธอเป็นคนฉลาดรอบรู้ ทั้งยังใจกว้างและชอบทำให้คนรอบข้างมีความสุข โดยเฉพาะฉัน และนั่นกระมังที่ทำให้สิ่งดี ๆ โชคแบบแปลก ๆ มักแวะผ่านมาหาเธอเสมอ
สำหรับฉันแล้ว มาจากจุดที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอ ไม่ชอบพึ่งพาใคร มาถึงจุดที่จู่ ๆ ก็มีคนดูแล มันให้ความรู้สึกที่ดีมากเลย แต่ก็ต้องปรับตัวไม่ใช่น้อย ฉันน่ะเข้าใจนะ คนที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลตัวเอง รวมทั้งต้องดูแลคนอื่นอีก เพราะฉันเองก็เคยอยู่จุดนั้น และฉันเองก็เคยฉงนทั้งยังหมั่นไส้เล็ก ๆ กับโชคชะตาของคนอื่นที่วัน ๆ ไม่ต้องทำอะไร มีผู้ชายเลี้ยง บางทีก็ไปเรียกเขาว่าเกาะผัวกิน และออกจะดูหมิ่นพวกผู้หญิงเหล่านั้น
โอ้ย นึกแล้วน่าขำตัวเอง ที่นอกจากจะเคยปากกัดตีนถีบแล้ว ยังรู้น้อยปากดี มาวันนี้มานั่งในสถานะที่เรียกว่าเกาะผัวกินก็ว่าได้ ถึงได้เข้าใจว่า เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่โชค มันคือการพัฒนาตัวตนจากภายใน มันคือการยอมรับความรักจากจักรวาลที่กว้างใหญ่
ถ้าฉันบอกเธอว่าโลกนี้มีทุกอย่างสำหรับทุกคน เธอก็คงไม่เชื่อ แต่ก็เอาเถอะ ฉันก็ไม่เชื่อมาก่อน ทุกวันนี้ฉันก็เริ่มจะเชื่อขึ้นบ้างทีละเล็กทีละน้อยผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ฉันก็อยากจะมาแบ่งปันให้เธอได้ฟัง ฟังไปอ่านไปไม่ต้องเชื่อหรอก แต่ลองทดลองและทดสอบด้วยตัวเอง ทำไมน่ะหรือ ฉันอยากให้ทุกคนได้ล้ิมรสความรักความเหลือเฟือที่มีอยู่บนโลกนี้ยังไงละ เพราะไม่ว่าใคร ๆ ก็สามารถมีประสบการณ์ดี ๆ เหล่านี้ได้
เส้นทางของการค้นพบความมหัศจรรย์ของความเหลือเฟือนี้สำหรับฉันมันเริ่มต้นจากการรู้จักเป็นผู้รับที่ดี แต่ก่อนนี้ฉันนั้นไม่เข้าใจหรอกว่าการเป็นผู้รับที่ดีนั้นเป็นอย่างไร มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย ฉันรู้สึกกระดากแม้แต่การรับคำชื่นชม จะรีบปัดมันออกจากตัวเสมอ “โอ้ยไม่หรอกจ๊ะ ไม่จริงหรอก แหม ไม่ขนาดนั้นหรอก” อะไร ๆ เถือก ๆ นี้เธอได้ยิน หรือ พูดกันบ้างไหม หรือแม้แต่บางครั้งก็รีบชมกลับเพื่อกลบเกือนความกระดากอาย “โอ้ยไม่จริง เธอสวยกว่าตั้งเยอะ” สิ่งเหล่านี้เกิดจากจิตใต้สำนึกที่ไม่เชื่อ และ ไม่คิดว่าฉันนั้นเหมาะสมคู่ควร ให้ฉันได้บอกเธอเถอะว่า ชีวิตของเธอจะได้รับความเหลือเฟือก็ต่อเมื่อเธอยอมรับมัน เมื่อฉันได้เรียนรู้เรื่องเหล่านี้ ฉันน้อมรับคำชมด้วยความยินดี กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่าขอบคุณ ยิ้มด้วยใจเบิกบาน ไม่ปฏิเสธสิ่งดี ๆ หรือ คำดี ๆ และไม่จำเป็นเลยที่จะต้องชมกลับ เราสามารถเป็นผู้รับที่สมบูรณ์แบบโดยมิต้องรู้สึกว่าต้องตอบแทนด้วยสิ่งใด ฟังดูคล้ายการเห็นแก่ตัว แต่นั่นไม่ใช่เลย สังคมเรามักให้คุณค่ากับการให้มากกว่าการรับ คนดีคือคนที่เสียสละความสุขส่วนตนเพื่อความสุขส่วนรวม อะไร ๆ เถือก ๆ นี้ นั่นก็เป็นเหตุให้หลาย ๆ คนรู้สึกกระดากต่อการเป็นผู้รับ แต่หากไร้ซึ่งผู้รับก็จะไม่มีผู้ให้ และหากเธอไม่เคยได้รับเธอก็จะไม่มีอะไรจะให้ ดังนั้นการเข้าใจความหมายของการรับและรับแบบสมบูรณ์แบบนั้นสำคัญมาก ๆ และหากเธอเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก็จะเข้าใจด้วยว่าการรับเป็นนั้นไม่ใช่การเห็นแก่ตัว แต่เป็นการทำให้ระบบพลังงานสมดุล
แรก ๆ มันก็จะฝืนความรู้สึกเสียหน่อย แต่เชื่อฉันเถอะ เมื่อเธอยอมให้จิตใต้สำนึกเชื่อแล้ว ชีวิตของเธอก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
เรื่องการรับนี้ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย เอาไว้ฉันจะกล่าวเป็นข้อ ๆ แยกไปอีกประเด็นเลยท่าจะเป็นประโยชน์ เพราะหากเธอรับเป็น ผู้ให้ก็จะปรากฏกายขึ้น เหมือนกับขั้วแม่เหล็กเหนือใต้ที่ยังไง ๆ ก็ดึงดูดเข้าหากัน ลงทะเบียนด้วยอีเมลล์เตรียมอ่านนะจ๊ะ
กลับมาที่ทริปของเรากัน เราพักกันที่นี่เจ็ดคืนเจ็ดวัน มีเรื่องสุดประหลาดเกิดขึ้นอีกตะหาก ลองคิดดูซิเออ โลกนี้ตั้งกว้างใหญ่ กรีชเองก็ไม่ใช่เล็ก ๆ โรงแรมก็มีตั้งมากมาย แต่เธอเชื่อไหม เราเจอเพื่อนสนิทของคุณชายเธอที่นี่ แบบมิได้นัดหมาย แบบมิรู้ล่วงหน้าว่าพวกเขาก็มาเที่ยวกันที่นี่ และที่เวอร์มากคือพวกเขาเช็คอินวันเดียวกัน เช็คเอ้าท์หลังเราเพียงหนึ่งวัน เป็นเรื่องเซอร์ไพร์สสุด ๆ พวกเราเลยจัดเซอร์ไพรส์ ทำทีเป็นเสริฟไวน์ให้พวกเขาตอนทานอาหารเช้าซะเลย เออ โรงแรมนี้เขามีสปาร์คลิ่งไวน์ไว้บริการตอนเช้าด้วย ใครอยากเริ่มมึนแต่หัววันก็จัดไปเลยจ้า
สุดท้ายทริปสวีทสองเราเลยกลายเป็นสี่คนเฮฮาไปซะงั้น ว่าด้วยเพื่อนของคุณชายเธอคนนี้ คุณชายเคยเล่าให้ฟังว่าถือเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่งของเธอก็ว่าได้ เพราะในสมัยยังละอ่อน เพิ่งจะออกท่องโลกใหม่ ๆ เธอก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่ว ๆ ไป เที่ยวแบบระบบบัดเจ็ท นอนโฮสเทล กินฟาสฟู๊ด จนกระทั้งถึงจุด ๆ หนึ่ง เธอยอมรับกับตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่าการใช้ชีวิตแบบมีข้อกำจัดนี้ เธอสะอิดสะเอียนเต็มทน เรียกว่าพอที แต่เธอก็ไม่รู้หรอกว่าแล้วจะทำอย่างไรถึงจะได้ท่องเที่ยวแบบมีสไตล์ ได้พักโรงแรมดี ๆ อยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงาม แต่เมื่อความตั้งใจบังเกิด จักรวาลที่กว้างใหญ่ ย่อมได้ยินทุกอย่างที่หัวใจเรียกร้อง หลังจากทริปสุดประหยัดทริปสุดท้ายของเธอ เธอนั่งเครื่องบินกลับไปยังฝรั่งเศส ในเที่ยวบินนั้นช่างว่างเปล่าไร้ผู้คน มีเพียงผู้โดยสารอีกหนึ่งคนเท่านั้น ในตอนแรกเธอออกจะหงุดหงิด เพราะทั้ง ๆ ที่เครื่องบินออกจะว่าง แต่ทำไม้ ทำไม เขาต้องจัดให้เธอมานั่งติดกับชายหน้าตาเอเชียคนหนึ่ง ตอนนั้นเธอยังไม่รู้ว่าคำขอของเธอจะได้รับการตอบรับผ่านชายคนนี้
ชายที่ว่าก็คือเพื่อนคนสนิทที่เราได้มาพบที่เกาะคาร์ฟูในโรงแรมที่เราพักนั่นเอง ขอให้ชื่อเขาว่านายดีแล้วกัน หลังจากได้พูดคุยกัน เธอจึงได้เรียนรู้ว่าเพื่อนชายหน้าเอเชียนี้ มาจากประเทศสิงค์โปร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องระบบหลังบ้านของการจองโรงแรม และตั๋วเครื่องบิน หรือ ที่เรียกว่าเอเจ้นท์นั่นแหละ แต่ไม่ใช่เอเจ้นท์ธรรมดา นายดีนี่รับจองให้กับเฉพาะพวกบรรดาเศรษฐีเท่านั้น ที่ต้องการซื้อตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่ง รวมทั้ง โรงแรมระดับหรู ๆ ราคาแพง ๆ แล้วทำไมพวกเศรษฐีนี้เขาไม่จองโดยตรงเธอคงสงสัย เพราะนายดีนี่ เรียกว่าเชียวชาญและหูตากว้างไกล นายคนนี้สามารถควานหาดีลที่ดีที่สุด ประกอบกับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องของโปรโมชั่น และ การใช้พ้อยท์ต่าง ๆ ทำให้นายดีสามารถซื้อตั๋วเครื่องบิน หรือ จองโรงแรม ในราคาที่ถูกกว่าให้กับพวกที่บินชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่งเป็นกิจวัตร ค่าคอมมิสชั่นก็คือรายได้ของนายดีนั่นเอง
หลังจากได้พูดคุยกัน ความรู้ต่าง ๆ ก็ถูกถ่ายทอดมายังท่านชายของอิฉัน การบินครั้งนั้นได้จุดประกายความคิดเล็ก ๆ ให้เธอ และจากจุดเล็ก ๆ นั่นเอง เธอจึงเริ่มเส้นทางการเดินทางรูปแบบใหม่ตามที่นายดีได้ถ่ายทอดให้เธอฟัง การได้อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดีนั้นมันมีความสำคัญมากนะ เธอรู้ไหม มันทำงานกับระบบจิตใต้สำนึก มันเปลี่ยนระบบความคิด และความเชื่อถึงความเป็นไปได้ในชีวิต มันทำให้กล้าคิดเรื่องอื่น ๆ ที่เคยเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ยังไงละ ว่าไปก็จะยิ่งยาว เอาไว้ไปรวบตึงไว้ตอนหน้านะ มาต่อเรื่องนายดี และ คุณผู้ชายกัน
นายดีและท่านชายกลายเป็นเพื่อนทางไกล และ บ่อยครั้งที่พวกเขาท่องเที่ยวด้วยกัน นายดียังเคยมานอนที่บ้านเราที่ฝรั่งเศสอีกด้วย ตอนนั้นคุณชายเธอถึงกับเปิดแชมเปณเก่า จากปี 1971 เป็นการต้อนรับเลย คิดดูซิ เคยเขียนเล่าไว้ในตอน ไวน์เก่า ณ ห้องลับใต้ดิน
จุ๊ ๆ เงียบ ๆ นี่เขากำลังทำงานกันอยู่
ตอนนี้การเดินทางค่อนข้างเป็นไปได้ยาก นายดีจึงหันมาทำงานร่วมกับบริษัทสตาร์ทอัพเกี่ยวกับคริปโต เจ้าเหรียญดิจิตอล ทั้งยังได้แบ่งปันความรู้นี้ให้ท่านชายอีกด้วย ท่านชายบอกว่า เธอเป็นหนี้บุญคุณนายดีนี่เพราะ เธอได้มามากอยู่จากสิ่งที่นายดีบอก เจอกันทริปนี้ท่านชายตั้งใจว่าจะต้องได้เลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน จะว่าไปทริปนี้ที่พวกเราได้มาพักโรงแรมดี ๆ ในราคาพิเศษก็เพราะนายดีนี่แหละ ฉันเองก็เห็นจะต้องขอบคุณนายดีเช่นกัน
ทริปนี้ เราไม่ได้เน้นเที่ยว ก็กิน ๆ นอน ๆ ไปเรื่อย ๆ ตื่นมา ว่ายน้ำ ทานมื้อเช้า นอนซักงีบ แล้วว่ายน้ำอีก กินอีกรอบ นอนอ่านหนังสือ กลับไปว่ายน้ำใหม่ จิบไวน์เบา ๆ อ้าวได้เวลามื้อเย็น กินแล้วก็นอน ก็วน ๆ อยู่อย่างนี้ถึงเจ็ดวัน เออ ไม่เบื่อแหะ เพราะน้ำทะเลนั้น สวยใสมาก ฟินทุกทีที่ได้ว่ายน้ำ
และที่ฟินมากคือได้ทำอีกหนึ่งความฝันให้สำเร็จ แห ๆ นั่นคือการทานไข่หอยเม่นสด ๆ จากทะเล แมนพอ จับเอง แกะเอง กินเอง ไม่มีตัวแสดงแทน ชอบมาก สด และ หวานฝุด ๆ ใครเป็นแฟนไข่หอยเม่น หรือ เจ้าอุนิ นี่คงจะเข้าใจความรู้สึกของอิฉันเป็นอย่างดี น้ำตาจิไหล
คืนสุดท้ายเราไปพักที่โรงแรมน่ารัก ๆ ทางด้านตะวันตกเพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน ชื่อว่าโรงแรม Sebastian’s Family Hotel & Taverna
โรงแรมน่ารัก บรรยากาศเหมือนบ้าน และ โรแมนติกมาก เจ้าของโรงแรมเป็นสามีภรรยาใจดี ภรรยาเป็นคนอังกฤษ แต่งงานกับชายชาวกรีช และ ย้ายรกรากมาอยู่กรีช ฉันแอบจินตนาการเอาเองเรื่องราวรักสุดโรแมนติกเบื้องหลังโรงแรมนี้
พวกเราได้อัพเกรดห้องพักโดยมิได้ร้องขอแต่อย่างใด น่ารักจริง ๆ อาหารก็อร่อยมาก ราคาสบาย ๆ และ ให้เยอะ หลังจากทานอาหารที่โรงแรมเสร็จ พวกเราก็ไปเดินเล่นที่ชายหาด ชมพระอาทิตย์ตกดิน จากนั้นก็ได้เวลาเข้านอน เตรียมตัวกลับฝรั่งเศสต่อไป
นี่แหละทริปสั้น ๆ ของเรา หวังว่าเพื่อน ๆ คงได้รับความสนุกสนานนะคะ ไว้เจอกันใหม่ทริปนี้ ตอนนี้ไปอ่าน มินิซีรีส์ กรุของเก่า ณ บ้านหลังน้อยร้อยปี ประเทศฝรั่งเศส ไปพลาง ๆ นะคะ
รัก
ลิต้าเจน