ติต่างว่าเป็นเจ้าหญิงและเจ้าชายแห่ง Waldorf Astoria Versailles - Trianon Palace
ลิต้าพาเที่ยว
แต็น แต้น เป็นนังแจ๋วคลุกฝุ่นอยู่บ้านมาซักพักแล้ว ครานี้อิฉันและคุณผู้ชายจะพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปเยื่อนโรงแรม Waldorf Astoria Versailles - Trianon Palace กัน ตามมาเลยเจ้าคะ
โรงแรมนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 19 โดยมีแรงบันดาลใจมาจากพระราชวังแวร์ซายที่พำนักของพระราชาและพระราชินีของประเทศฝรั่งเศสนั่นเอง นักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาเยี่ยมชมพระราชวังแวร์ซายหากได้มาพักที่นี่ก็จะได้ลิ้มรสรสชาติชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเจ้าในยุคโบราณ สมัยที่ฝรั่งเศสยังคงมีระบบพระราชา เพราะด้วยการตบแต่งที่โอ่โถง และที่ตั้งที่อิงแอบแนบชิดติดกับพระราชวังแวร์ซายและมีทางเชื่อมต่อกันจากทางสวน ยิ่งเสริมบรรยากาศให้เสมือนว่าได้เป็นอาคันตุกะของพระราชาและพระราชินีของฝรั่งเศสก็ว่าได้ และด้วยการบริการระดับห้าดาว ก็อาจจะทำให้หลาย ๆ คน ติต่างไปว่าเป็นดั่งเจ้าหญิงเจ้าชายจากต่างแดนในอดีต อีกทั้งโรงแรมนี้มีชื่อเสียงเนื่องด้วยบรรดาบุคคลสำคัญนักแสดง ศิลปิน นักการเมือง รวมทั้งพระราชาและพระราชินีของนานาประเทศได้เข้าพัก ทั้งยังเป็นที่พำนักของเหล่าทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
ณ ห้องโถงใหญ่ที่ปัจจุบันเป็นห้องทานอาหารเช้าของแขกที่มาเข้าพักนี้ เคยเป็นที่ประชุมลับของเหล่าทหารและผู้มีอำนาจจากกลุ่ม The Allied Forces ที่ประกอบไปด้วย ฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกา และ สหภาโซเวียต หารือกันเรื่องการยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 อีกด้วย เรียกว่าเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของโลกเคยเกิดขึ้นที่นี่
เอาหล่ะ ถ้าอยากจะมาลองพักที่นี่ลิ้มรสประวัติศาสตร์กันบ้าง จะต้องเสียทรัพย์ซักเท่าไรกันนะ สนนราคาต่อคืนเริ่มต้นที่ราว ๆ 200 ยูโร ขึ้นไปจนหลักหลาย ๆ พันยูโร ราคาเริ่มต้นถือว่าไม่แรงเลยสำหรับการเข้าพักที่เครือ Waldorf Astoria ที่ขึ้นชื่อว่าราคามหาโหด แต่หลาย ๆ คนที่จองห้องราคาถูกสุดมา และแอบหลงดีใจว่าได้เข้าพักที่ Waldorf Astoria Versailles ก็อาจจะต้องพบกับความผิดหวัง เพราะราคาที่ว่าไม่ใช่ห้องพักในปราสาทหลักที่โอ่อ่าสวยงาม แต่เป็นห้องในอาคารรองฝั่งตรงข้ามที่เรียกว่า Pavillion ปกติแล้วชาวยุโรปไม่ได้เอาไว้พัก แต่จะเอาไว้สำหรับรองรับกิจกรรมอเนกประสงค์ต่าง ๆ อีกทั้งอาคารนี้หาใช่โรงแรมห้าดาวไม่ ไม่แน่ใจว่าด้วยเหตุใดแต่อาคารนี้ได้รับดาวเพียงสี่ดาว และในทางเทคนิคแล้ว มันคือคนละโรงแรมกัน ที่อยู่ในรั้วเดียวกันเท่านั้นเอง จึงให้อารมณ์เหมือนลูกนางสนมอะไรประมาณนั้นซะมากกว่า หากจะใช้บริการต่าง ๆ ก็จะต้องเดินลัดสวนมาที่อาคารหลัก นึกภาพใส่ชุดคลุมเดินดุ่ม ๆ ผ่านสวน มายังสระว่ายน้ำในหน้าหนาวดูซิ นี่เป็นเหตุที่หลาย ๆ คนผิดหวังด้วยความเข้าใจผิดมานักต่อนักแล้วว่าได้ของดีราคาถูก
แต่หากอยากจะได้ของดีราคาถูก ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทาง เหอ ๆ เกริ่น ขนาดนี้ไม่เล่าต่อโดนโกรธแน่นอนเลย เคยได้เล่าให้เพื่อน ๆ ฟังไปแล้วบางส่วนในตอนก่อนหน้า ทะเลยังหวาน ณ เกาะ คอร์ฟู ประเทศกรีช ว่าคุณผู้ชายของอิฉันนี่เป็นโฮเทลเลิฟเวอร์ Hotel lover หลงรักโรงแรมและนอนเก็บแต้มเขามาจนเรียกว่าได้ขั้นสมาชิกระดับสูงของหลาย ๆ เครือ หนึ่งในนั้นก็คือ เครือฮิลตัน ซึ่งโรงแรม Waldorf Astoria Versailles - Trianon Palace นี้ก็อยู่ในเครือนี้ด้วยเช่นกัน
ทีนี้พอจะเดาทางกันได้บ้างหรือยังละ ถ้ายังเดาไม่ออกฉันก็จะเล่าให้ฟัง ด้วยสิทธิ์การเป็นสมาชิกระดับไดอะมอนด์ของคุณผู้ชายเธอ พวกเราก็เลยได้อัพเกรดจากห้องพักราคาถูกสุดที่คุณผู้ชายเธอจองมาราว ๆ 200 ยูโรต่อคืนฝั่งลูกเมียน้อย ไม่รวมอาหารเช้า ไปพักห้องยังห้องพักในปราสาท ทั้งยังฟรีอาหารเช้าอีกตะหาก และการอัพเกรดนั้นก็สามารถอัพเกรดได้มากกว่าหนึ่งระดับ ก็ขึ้นกับความใจดีของโรงแรม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นห้องก็ต้องว่างด้วย หากมาเข้าพักในช่วงคนเยอะ ๆ ก็อาจจะได้ไม่อัพเกรดเลยก็เป็นได้
ตอนแรกพนักงานสาวสวยจากอัพเกรดเรามายังห้องที่เรียกว่า SUPERIOR MANSARD ROOM ซึ่งตกอยู่ราว ๆ 350 ยูโรต่อคืน ก็คือว่าใจดีประมาณหนึ่งแล้ว แต่หลังจากเธอพาเราไปชมห้อง อิฉันและคุณผู้ชายรู้สึกว่าห้องมันออกจะมืดและหน้าต่างออกจะเล็กไปหน่อย เพดานก็ออกจะเตี้ย ถึงจะเป็นห้องในปราสาทก็จริงแต่มันดันเป็นห้องใต้หลังคาน่ะซิ ไม่ให้ความรู้สึกโอ่โถงเลยซักนิด
อิฉันและคุณชายมองหน้ากัน ว่าเอาไงดี ถ้าเป็นฉันในอดีตเป็นอิแม่ขี้เกรงใจ อะไร ๆ ก็ได้หมด ก็คงเซย์เยสแบบเสียไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่เรียนรู้ว่าไม่มีอะไรจะเสีย หากเพียงเรารู้จักที่จะขอ ได้ไม่ได้นั่นอีกเรื่องหนึ่ง การขอก็มิได้หมายถึงความมากเรื่อง หรือ การไม่รู้จักพอ อย่างที่เราถูกปลูกฝังมาทำให้เป็นคนขี้เกรงใจ การขอในสิ่งที่เราต้องการ ช่วยให้ผู้ให้บริการทำหน้าที่ของเขาได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้นอย่างที่เขาตั้งใจ และ การขอยังเป็นสัญลักษณ์ของรักตัวเอง เชื่อว่าเราเหมาะสมและคู่ควรที่จะได้รับ แต่หากว่าเราขอแล้วไม่ได้ดังขอละ บ่อยครั้งที่เราเลือกไม่ขอร้อง ก็เพราะกลัวการถูกปฏิเสธนั่นเอง บางทีก็โกรธซะเลย ที่ไม่ได้ดั่งขอ ฉันได้เรียนรู้มาเช่นกันว่า การขอที่จริงใจ คือ การยอมรับการปฏิเสธเช่นกัน โดยไม่ง้องอล ขอบคุณที่ทั้งได้รับ และ ไม่ได้รับ
ว่าแล้วเราก็แจ้งความประสงค์ไปว่าอยากจะได้ห้องที่หน้าต่างใหญ่กว่านี้ และ พนักงานสาวสวยก็มิได้เกี่ยงงอล เธอพาเราไปชมอีกห้องหนึ่งในทันที ห้องนี้เรียกว่า DELUXE GARDEN VIEW ROOM
โอ้ย ห้องนี้ฉันชอบมาก หน้าต่างใหญ่ เพดานสูง แม้แต่ห้องน้ำยังมีระเบียงเลย เซย์เยสทันที นึกดีใจที่ดีนะที่ขอ ดีใจลั้นล้าได้ไม่นานหรอก เพราะว่าห้องนี้นี่ติดกับลานจอดรถ ตกดึกคืนนั้น พนักงานขนของเข้าออกโรงแรม เสียงลากรถเข็น สลับกับเสียงพนักงาน เรียกว่าไม่เป็นอันนอนเลยทีเดียว ฉันน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่คุณผู้ชายเธอ ออกจะโกรธตัวเองที่เสียตังค์ตั้งเยอะ มานอนไม่หลับอยู่ที่นั่น โถ ๆ พ่อคุณเสียดายเงินนั่นเอง เรายังคุยกันเลยนะว่า หากห้องนี้ราคาถูกกว่านี้เธอคงจะไม่โกรธขนาดนี้ คืนนั้นเราก็ได้สัจธรรมกันด้วยว่า เงินน่ะมีผลต่อจิตใจของเรา และวิธีการคิด ความรู้สึกของเราขนาดไหน เรายังได้คุยกันอีกว่า หากว่าเราเสียเงินให้โรงแรมขนาดนี้แล้ว เราจะยอมเสียจิตด้วยไหม เรามีทางเลือก เราเลือกซิ เลือกที่จะมีความสุขไง เลือกที่จะไม่เสียทั้งเงินและอารมณ์ คืนนั้นก็ผ่านไปด้วยสัจธรรมที่มาพร้อมการนอนไม่เต็มอิ่ม แต่ฉันก็ว่าบทสนธนาในคืนนั้นคุ้มค่าคุ้มราคาสองร้อยยูโรแล้วนะ เธอว่าไหม
รุ่งขึ้นหน้าตาสโหล่สเหร่ เราจึงขอเปลี่ยนห้องอีกครั้ง สัจธรรมแค่คืนเดียวพอ ขอนอนเต็มอิ่มซักที พนักงานแสดงความเสียใจเป็นการใหญ่และย้ายเราไปพักห้องที่ไกลจากทางเดินรถ ทั้งยังบล๊อกห้องข้าง ๆ ไม่ให้มีคนพัก เพื่อเป็นการขอโทษ
ห้องที่ว่าคือ DELUXE ROOM PARK VIEW ได้อัพเกรดไปอีก เย้ ๆ
สุดท้ายพวกเราก็ได้นอนหลับสนิทกันเสียที ไม่นึกว่าพักทีนี่จะเป็นมหากาพก์เปลี่ยนห้องขนาดนี้ แต่อิฉันก็ชอบนะที่ได้เห็นห้องต่าง ๆ ของที่นี่ โดยเฉพาะห้องสุดท้ายราคาต่อคืนตกอยู่ที่ห้าร้อยกว่ายูโรเลยทีเดียว รู้สึกเหมือนได้ส่วนลด ฮ่า ๆ ๆ บางทีความคิดมันก็แปลกดี
เอาหล่ะ พาไปชมสระว่ายน้ำกันบ้าง เป็นสระว่ายน้ำในร่ม มีแสงแดดส่องผ่านหลังคาใส ๆ ลงมา บรรยากาศดูโอ่อ่า
แต่ออกจะเก่าไปซักนิด และที่ต้องบอกว่าผิดหวังมาก ๆ ก็คือความสะอาดบริเวณพักผ่อนโดยรอบนั่นเอง ค่าแรงมันแพงขนาดว่าเขาไม่ทำความสะอาดโรงแรมห้าดาวกันเลยเหรอ คุณผู้ชายเธอบอกว่าที่นี่ยุโรป อย่าคาดหวังอะไรมากเลย ได้ยินอย่างนี้ออกจะงง ๆ เพราะเราชาวเอเชียเชื่ออยู่เสมอว่ามาตรฐานยุโรปนี่ต้องเริดเรอตามความเข้าใจว่าคือประเทศพัฒนาแล้ว
แต่ต้องบอกเลยว่าถ้าพูดเรื่องงานบริการแล้วละก็ เมืองไทยนั้นมาตรฐานสูงกว่ามาก ความสะอาด และ ความเอาใจใส่ของพนักงาน และราคาเองยังถูกกว่า เมืองไทยน่าเที่ยวที่ซู๊ดเลยนะเธอ มาไกลขนาดนี้เพื่อรู้ว่าบ้านเราน่ะมีดีมากนะ ภูมิใจในความเป็นไทยเสมอ
จากที่พักแล้ว มาเรื่องอาหารกันบ้าง มาพักที่นี่ก็ต้องลองอาหารตำรับราชวังดูบ้าง แต่งองค์ทรงเครื่อง แล้วไปยังบาร์ก่อน เริ่มที่จิบแชมเปณเบา ๆ เป็นเครื่องดื่มต้อนรับที่ได้มาจากโรงแรม แต่เราเพิ่งจะมาดื่มเอาวันที่สองนี่แหละ
จากนั้นก็ไปที่ห้องอาหาร ที่นี่เขามีห้องอาหารของ Gordon Ramsay ด้วยนะ เชฟที่มีชื่อจากรายการมาสเตอร์เซฟ ขากินต้องรู้จักแน่ ๆ แต่เสียดายตอนที่ไปพักห้องอาหารของเขาไม่เปิดให้บริการ เราจึงไปทานอีกห้องหนึ่ง
ตามสไตล์ฝรั่งเศส อาหารเสริฟ เป็นเซ็ท มีของทานเล่น และ อาหารหลัก พวกเราเลือกของทานเล่นเป็นตับห่าน ส่วนจานหลักของคุณผู้ชายเป็นเนื้อวัว ของอิฉันเป็นแกะ รสชาติดี และให้เยอะ อิ่มจนไม่อยากทานขนมหวานเลย
ทริปสั้น ๆ กับประสบการณ์การเข้าพักในปราสาทครั้งแรกก็ผ่านไปด้วยดีพร้อมปรัชญาชีวิต ก่อนจะเดินทาง ท่องไปในอันโดร่า
ระหว่างที่พักที่นี่ หูตาของอิฉันก็ไปสะดุดอยู่ที่ชื่อ พระราชินี มารี อ็องตัวแน็ต (ฝรั่งเศส: Marie Antoinette) เข้าให้ พอเข้าไปหาข้อมูลเกี่ยวกับพระราชินีองค์นี้ ฉันนี่อดไม่ได้ที่จะต้องนำเสนอในตอนต่อไป ได้รู้เรื่องราวของพระราชินีองค์นี้ ทำให้ฉันอดคิดถึงสถาณการณ์ที่เมืองไทยตอนนี้ไม่ได้ เอิ่ม สปอยมากไปไหมนี่ ไว้รออ่านตอนนี้เลยละกันนะ
ลงทะเบียนด้วยอีเมลล์รออ่านตอนต่อไปได้เลยจ้า
รัก
ลิต้าเจน